เคาน์เตอร์เซอร์วิสไม่หวั่นคู่แข่งเปิดรับชำระผ่านโทรศัพท์ ชี้พฤติกรรมคนไทยมั่นใจชำระผ่านสาขาสูงสุด

ข่าวทั่วไป Friday October 29, 2004 12:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น
เคาน์เตอร์เซอร์วิสไม่หวั่นคู่แข่งใหม่เจาะตลาด เปิดรับชำระค่าสาธารณูปโภคแบบผ่านโทรศัพท์ ชี้เป็นการยืนยันตลาดธุรกิจรับชำระเงินมีศักยภาพขยายตัวสูง แต่ในฐานะผู้บุกเบิกและสร้างตลาดเคาน์เตอร์เซอร์วิส ศึกษามาแล้วทุกรูปแบบพบผู้บริโภคให้ความเชื่อถือสูงสุดในการชำระผ่านสาขา เตรียมเปิดอีก 6 บริการใหม่ คาดสิ้นปียอดผู้ใช้บริการทะลุเป้า 50 ล้านบิล
นายประเสริฐ มนูพิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป สำนักการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรับชำระค่าสาธารณูปโภคและบริการเปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจรับชำระเงินมีการเติบโตที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย โดยจะเห็นว่ามีลักษณะการให้บริการแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันตามพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยเพิ่มขึ้น
บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกรูปแบบธุรกิจรับชำระเงินเป็นแห่งแรก ซึ่งได้เล็งเห็นแนวทางการเติบโตของตลาดและเริ่มดำเนินธุรกิจประเภทนี้มาตั้งแต่ปี 2537 เห็นว่า การมีผู้ประกอบการในธุรกิจประเภทนี้เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าบริการเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และเป็นการดีที่ผู้บริโภคจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นตามลักษณะบริการที่เหมาะสมกับรูปแบบชีวิตของผู้บริโภคแต่ละคน
สำหรับรูปแบบการให้บริการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระผ่านทางโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้นนั้น บริษัทได้มีการศึกษารูปแบบและความเป็นไปได้ในการให้บริการมาแล้ว และพบว่าวิธีการรับชำระโดยผ่านสาขาของเคาน์เตอร์เซอร์วิสนั้นเป็นวิธีการที่สอดคล้องกับรูปแบบชีวิตของผู้บริโภคคนไทยมากที่สุด
บริษัทจึงมีการลงทุนที่สูงกว่าเพื่อติดตั้งระบบ และอุปกรณ์ในแต่ละสาขาเพื่อให้ได้บริการที่เหมาะกับผู้บริโภคให้มากที่สุด และพบว่าได้เดินมาถูกทางแล้ว โดยในช่วงที่บริษัทได้มีการเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2537 นั้นมียอดรับชำระเพียงเดือนละ 3,500 บิล แต่ปัจจุบันมียอดรับชำระเฉลี่ยถึงเดือนละ 4.5 ล้านบิล จนมีการขยายสาขาให้บริการเพิ่มขึ้นถึงกว่า 3,600 สาขา ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศในขณะนี้ และบริการที่มีมากถึงกว่า 100 บริการ จากพันธมิตรเกือบ 70 ราย
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ล่าสุดเคาน์เตอร์เซอร์วิสเตรียมเปิดให้บริการใหม่อีก 6 บริการ ทั้งบริการเสริมจากพันธมิตรเดิมที่มีอยู่ และบริการจากพันธมิตรใหม่ที่เข้ามาให้บริการเพิ่มเติม โดยบริการเสริมให้กับพันธมิตรรายเดิมที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสให้บริการอยู่ อาทิ ธนาคารยูโอบี รัตนสิน เพิ่มบริการรับชำระเงินบัตรเครดิต คอร์ปอเรต การ์ด ธนาคารไทยพาณิชย์ เพิ่มบริการรับชำระเงินบัตร สปีดี้แคช แคปปิตัล โอเค เพิ่มบริการรับชำระสินเชื่อเงินผ่อนซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าเดอะ มอลล์ ส่วนพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ บริษัท บั๊ฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายยา บริษัท ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อซิตี้ไฟแนนเชี่ยล ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
“ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่เป็นผู้ตามมาลงทุนเพิ่มขึ้นในธุรกิจนี้ จะต้องสร้างความแตกต่างและเลี่ยงจุดแข็งของเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพราะหากทำในลักษณะเดียวกันก็จะเสียเปรียบสูงเนื่องจากเคาน์เตอร์เซอร์วิสมีสาขากระจายอยู่มากกว่า คู่แข่งรายใหม่ที่ไม่มีสาขาหรือมีน้อยกว่าจึงต้องนำเครื่องมือหรือเทคโนโลยีช่องทางอื่นๆเข้ามาช่วย เช่น โทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้น แต่การชำระผ่านสาขาของเคาน์เตอร์เซอร์วิสนั้น ลูกค้าจะมีความเชื่อมั่นมากกว่า เพราะจะได้รับใบเสร็จทุกครั้งที่ชำระเงิน โดยทุกใบเสร็จที่ลูกค้าชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดและเป็นใบเสร็จที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามกฎกระทรวงการคลัง และด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยที่ยังนิยมความสะดวกสบายที่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการ อีกทั้งส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจกับการทำธุรกรรมทางสายโทรศัพท์ จึงมั่นใจว่า ถึงแม้จะมีรูปแบบการให้บริการแบบใหม่เข้ามา ก็จะไม่กระทบต่อฐานลูกค้าเดิมของเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพราะสาขา ในร้าน 7-11 ห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นที่ที่ลูกค้าต้องเดินทางไปเพื่อจับจ่ายใช้สอยหรือทำธุระอยู่แล้ว” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับผลการประกอบการ9 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน ที่ผ่านมาบริษัทมียอดบิลชำระรวม 44 ล้านบิล สูงกว่าจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ที่ 39 ล้านบิล (ใน 9 เดือน) หรือ 12% หรือหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2546 มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 16% โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดผู้ใช้บริการรวม 52 ล้านบิล เพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านบิลในสิ้นปี 2546
โดยมีสัดส่วนของบิลชำระแบ่งเป็น ค่าสาธารณูปโภค อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ 30% ธุรกิจเช่าซื้อ 30% ค่าบัตรเครดิต 30% สินค้าและบริการอื่นๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น 10% โดยบริษัทมีมูลค่ายอดรวมของบิลที่รับชำระและส่งให้ผู้ว่าจ้างในปีที่แล้วประมาณ 65,000 ล้านบาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
อาภาภรณ์ กุหลาบศรี
Mobile 0-9788-4868
e-mail : apapornk@hotmail.com
คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์
โทร. 0-2663-3226 โทรสาร 0-2259-8943--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ