กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่น
- จัดหา video solution ที่ 'สมเหตุสมผล' ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีความเรียบง่ายและสนับสนุนการทำงาน ร่วมกัน ในลักษณะ mobile collaboration
- นำเสนอ video collaboration solution ประสิทธิสูงและอยู่ในระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้สำหรับกลุ่ม องค์กรขนาดกลาง (SME) และ องค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise)
- มาพร้อมคุณสมบัติด้านการรวมระบบ และ ความสามารถแบบไร้ข้อจำกัดในการทำงานร่วมกันระหว่างระบบของอวาย่า กับ ระบบของผู้ผลิตอื่นๆ และรวมถึง video conferencing platform จากผู้ผลิตรายต่างๆด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันในลักษณะ open collaboration ที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อวาย่า (Avaya) เปิดตัวคลื่นลูกต่อไปของนวัตกรรมสำหรับขอบข่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม unified communications และ collaboration ของบริษัท ด้วย video solution ที่เน้นผู้ใช้งานเป็นสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด mobile enterprise กลุ่มผลิตภัณฑ์ video collaboration solution ใหม่นี้มาพร้อมกับขีดความสามารถใหม่ๆ และเปี่ยมประสิทธิภาพขึ้นอีกขั้น ทั้งยังช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นด้านการสื่อสารผ่านวิดีโอที่ครบครันสำหรับ face to face collaboration จากอุปกรณ์ประเภทอุปกรณ์มือถือพกพา รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป และ room-based system ต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน video collaboration, แอพพลิเคชั่น และอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งานของ Avaya มีความยืดหยุ่นสูงและอยู่ในระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้นั้น มีความโดดเด่นแตกต่างอย่างมากด้วยความเรียบง่าย ประสิทธิภาพ ความสามารถรองรับการต่อขยายระบบ (Scalability) และความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ (interoperability) ในกลุ่ม video conferencing จากผู้ผลิตโซลูชั่นและอุปกรณ์การประชุมทางวิดีโอรายอื่นๆ ทั้งนี้ จากการเข้าซื้อกิจการของ Radvision โดยอวาย่าในเดือนมิถุนายน 2012 ทำให้ standards-based solution ระบบเปิดเหล่านี้ช่วยให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการเป็นเจ้าของระบบ (total cost of ownership) ต่ำลง และช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากการลงทุนพัฒนาระบบ unified communications และ video conferencing ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็สามารถปรับเปลี่ยนสู่สภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันแบบ real-time ที่ล้ำสมัยได้อีกด้วย
จากการเปิดตัวในครั้งนี้ อวาย่าได้นำเสนอขีดความสามารถด้าน video collaboration ใหม่ๆ ให้แก่องค์กรขนาดใหญ่ และ ขนาดกลาง ดังต่อไปนี้:
- Avaya Aura? Conferencing พร้อมกับ Avaya Flare? Experience 1.1 เพิ่มขีดความสามารถด้าน video collaboration เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันผ่านทั้งระบบ voice, video และ web ได้อย่างเป็นเอกภาพจากที่ใดก็ได้ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน Avaya Aura Conferencing รองรับการประชุมพร้อมกันสูงสุดถึง 7,500 สาย หรือรองรับจำนวนผู้ใช้งานสูงสุดถึง 75,000 คน บน distributed SVC-based switched video architecture ที่มีศักยภาพด้าน video collaboration ที่ให้คุณภาพและความจุสูง แต่ใช้แบนด์วิดธ์น้อยลงถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับโซลูชั่นจากผู้ค้ารายอื่นๆ
- Scopia XT5000 room system มาพร้อมกับ MCU แบบ 4 หรือ 9 พอร์ต และ SIP ที่ใช้งานร่วมกับ Avaya IP Office นอกจากนี้ ระบบ room-based XT5000 แบบ all-in-one ในระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ยังมาพร้อมแพคเกจเสริมสำหรับองค์กรขนาดกลาง (SME) และ workgroup ที่มีทั้ง Scopia Desktop และ Scopia Mobile
- Scopia Mobile นอกเหนือจากเครื่อง Apple iPhone และ iPad แล้ว ยังขยายไปยังอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android? และสามารถดาวน์โหลดอแพพลิเคชั่นได้ฟรีจาก Google Play และ Apple App Store ทั้งนี้ Scopia Mobile นับเป็น standards-based mobile video application เวอร์ชั่นแรกที่ช่วยให้การใช้งานแบบ HD video conferencing และ data collaboration เกิดขึ้นได้ พร้อมขีดความสามารถในการทบทวน (review), การควบคุม conference call, การจำกัด (moderation) และ การจัดการ (administration) ผ่านอินเตอร์เฟซ (UI) ที่ใช้งานง่ายและชาญฉลาด
- Scopia XT Executive 240 (XTE 240) เป็น executive desktop video conferencing system ประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด พร้อมอุปกรณ์เสริม MCU ในตัว โดย XTE 240 จะเป็น desktop system ที่ราคาย่อมเยาที่สุดในตลาด ทั้งยังพร้อมด้วยระบบ live video ความละเอียดสูงและ content sharing ที่ทำงานพร้อมกันโดยใช้ H.264 SVC และ H.264 High Profile เพื่อให้ได้คุณภาพ รวมถึงความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของแบนด์วิดธ์ที่สูง
- Scopia TIP Gateway ช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานแบบ 3 หน้าจอสำหรับบริการ audio, video และ data-sharing ในสภาพแวดล้อม telepresence ของซิสโก้ โดย Scopia TIP Gateway ดังกล่าวรองรับความต้องการของลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้งานระบบ telepresence suite อยู่แล้ว รวมถึงผู้ให้บริการที่มีบริการ telepresence exchange network ด้วย โดยโซลูชั่นนี้เสริมขีดความสามารถของอวาย่าในการทำงานร่วมกันกับระบบ telepresence แบบ standards-based ได้ทุกระบบ ซึ่งรวมถึงระบบจาก LifeSize, Polycom และ Tandberg
- Scopia Management System มาพร้อมกับ browser-based interface ที่เรียบง่าย เพื่อความสะดวกในการจัดการ video collaboration deployment จากเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC), Mac, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต โดยอินเตอร์เฟซดังกล่าวผสานกับ Google Maps ที่ให้มุมมองทางภูมิศาสตร์ทั่วโลกของ collaboration topology ตลอดจนคุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น multi-tenancy, บริการประเภท concierge service, ขีดความสามารถในการขยายระบบเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานได้สูงสุดถึง 400,000 คน (สำหรับผู้ให้บริการและองค์กรขนาดใหญ่)
- Avaya Client Applications พร้อม Microsoft Lync, Outlook และ Office integration ใช้ Avaya Aura? เพื่อนำเสนอช่องทางการสื่อสารแบบ point-to-point และ point-to-multi-point รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ (interoperability) ในส่วนของ video conferencing solution ที่มาจากผู้ผลิตหลายราย ซึ่งได้แก่โซลูชั่นจาก Avaya-Radvision, LifeSize และ Polycom ทั้งนี้ Avaya Client Applications เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภท plug-ins สำหรับ real-time collaboration จาก Microsoft desktop application เช่น Lync/OCS, Office, Internet Explorer และ Dynamics (CRM) รวมถึง IBM Sametime และ Salesforce.com (CRM)
Avaya Aura Conferencing, Avaya Flare Experience และ Scopia Enterprise Solutions สามารถรองรับหรือทำงานร่วมกันระหว่างระบบได้กับ Avaya Aura ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับ real-time collaboration แบบเปิดในลักษณะ standards-based โดยเมื่อเร็วๆ นี้ อวาย่าได้เปิดตัว Avaya Aura Virtual Environment (Avaya Aura VE) ซึ่งจะช่วยให้แอพพลิเคชั่นในกลุ่ม Avaya Aura unified communications และ contact center สามารถทำงานบนโซลูชั่นในกลุ่มVMware? virtualization ได้ โดยนอกจากนี้ Avaya Aura VE ยังช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถเร่งกระบวนการติดตั้งและใช้งาน (deployment) แอพพลิเคชั่นในกลุ่ม mobile collaboration ทั่วทั้งองค์กร ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในครั้งนี้ด้วย
ข้อคิดเห็นจากผู้บริหารชั่นนำ
มาซายูกิ โอคาโมโต
ประธานORIX RENTEC (ประเทศญี่ปุ่น)
"ในสัปดาห์นี้เราเปิดตัว Avaya Flare Experience Cloud Service ในญี่ปุ่น โดยบริการดังกล่าวเป็นหนึ่งในรายแรกของโลกที่นำเสนอบริการ Avaya Flare Experience แบบ cloud based ทั้งนี้ ด้วย enterprise class video ที่มาพร้อม Avaya Flare Experience บริการนี้ช่วยให้พนักงานสามารถประชุมผ่านระบบ video conference ได้อย่างง่ายดายจาก user interface ที่ใช้งานง่าย โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ซึ่งโดยปกติทั่วไปเป็นระบบการประชุม video conference ที่ใช้ห้องเป็นหลัก อีกทั้งบริการที่สามารถปรับขนาดเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมากนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับพนักงานที่จะได้ประโยชน์จาก video collaboration ที่ก้าวล้ำอีกขั้นเมื่อเทียบกับ web conferencingแบบเดิมๆ เท่านั้น แต่ยังเอื้อต่อ collaboration กับคนภายนอกอีกด้วย ซึ่งรวมถึงลูกค้า คู่ค้าและซัพพลายเออร์ และด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการใช้งานแท็บเล็ตในองค์กรทั่วประเทศญี่ปุ่น บริการในลักษณะ cloud based นี้จะช่วยให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถนำเสนอความคล่องตัว (mobility) และการทำงานร่วมกัน (collaboration) บนอุปกรณ์ที่พนักงานนิยมเลือกใช้"
ฉู่หลิน หวัง
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Chunghwa Telecom (ไต้หวัน)
"Chunghwa Telecom ได้นำ Scopia Elite MCU มาใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับระบบ video conferencing แบบ cloud-based ทั้งนี้เพื่อนำเสนอบริการ cloud video conferencing แก่ลูกค้าขององค์กร ขณะนี้เราสามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วไต้หวันในส่วนของระบบ video conferencing ความละเอียดสูง ที่ให้ความยืดหยุ่น เชื่อถือได้ และประหยัดค่าใช้จ่าย ระบบของเราสามารถรองรับ video conferencing endpoints ของแบรนด์และมาตรฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์พกพา เช่น iPhone และ iPad ช่วยให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์จากความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้นและการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมได้อย่างคุ้มค่า"
ชายเลนดรา โซนี
INDUSTRY PRINCIPAL ของ ASIA PACIFIC ENTERPRISE COMMUNICATIONSFrost & Sullivan (มาเลเซีย)
"อวาย่าได้นำเสนอคุณสมบัติใหม่ๆ มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ video conferencing solution ในตระกูล Scopia ทั้งนี้ ในการพัฒนาครั้งล่าสุด อวาย่าได้พัฒนาให้ Scopia ทำงานได้กับ Avaya Aura และโซลูชั่นในกลุ่ม IP Office การเปิดตัว Scopia Mobile for Android สะท้อนความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโทรศัพท์และแท็บเล็ตระบบ Android โดยองค์ประกอบสำคัญของคุณสมบัติใหม่ๆ คือ การรวมวิดีโอเข้ากับ Microsoft Lync และ Office ผ่าน Avaya Aura ซึ่งเอื้อให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์จากการรวมความสามารถด้านวิดีโอโซลูชั่นที่พัฒนาโดยอวาย่า โดยสรุป อวาย่าได้พัฒนาให้ video solution สามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มรูปแบบผ่านแพลตฟอร์มการสื่อสารและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอ video solution แบบครบวงจรที่รองรับการสื่อสารแบบ real-time ทุกรูปแบบได้อย่างแท้จริ ง"
เบรตต์ ช็อคเลย์
รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Applications & Emerging Technologies ของอวาย่า
"องค์กรที่พร้อมรวดเร็วที่จะสามารถตอบสนองได้อย่างทันถ่วงที่ต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้ากำลังเก็บเกี่ยวการเติบโตพัฒนาและผลกำไรที่ไม่ได้สัดส่วน โดยองค์กรเหล่านี้กำลังเร่งพัฒนาการสื่อสารและระบบการทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันผลลัพธ์เหล่านี้ ด้วยนวัตกรรมที่เปิดตัวในครั้งนี้ อวาย่ามุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ mobile enterprise แบบ real-time ที่ซึ่งองค์กรต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้เร็วขึ้น เพื่อการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดและขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น"
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- Avaya Video Collaboration Solutions for Enterprises
- Wainhouse Research: The Viability of Large Scale Personal Video Conferencing Deployments
- Renown Healthcare Case Study