กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--บีทีเอส
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ชี้แจงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ เกี่ยวกับการที่มีการกล่าวอ้างเรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท ของบริษัทฯ ว่า อาจมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดตั้งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน กลต.) เป็นการระดมทุนโดยการที่บริษัทฯ ขายหรือโอนรายได้จากค่าโดยสารที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายหลัก ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ตามสัญญาสัมปทานที่มีอยู่ จากหมอชิตถึงอ่อนนุช และ จากสนามกีฬาแห่งชาติถึงสะพานตากสิน ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาสัมปทานดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2535 และได้ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายหลักมาแล้วเป็นเวลา 13 ปี และสัมปทานมีอายุเหลืออยู่อีกประมาณ 17 ปี โดยจะสิ้นสุดในปี 2572 ให้กับกองทุน BTSGIF เท่านั้น
บริษัทฯ ขอเรียนว่า รายได้ค่าโดยสารที่เกิดจากส่วนต่อขยายจากสะพานตากสินไปวงเวียนใหญ่ และ จากอ่อนนุชไปแบริ่ง เป็นรายได้ของกรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับเพียงค่าจ้างจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าตามสัญญาเดินรถไฟฟ้าเท่านั้น และบริษัทฯ ไม่ได้นำส่วนของค่าจ้างที่เกิดจากสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าซึ่งมีระยะเวลาการจ้างเป็นระยะเวลา 30 ปี ไปขายหรือโอนให้แก่กองทุน BTSGIF ที่จะจัดตั้งในครั้งนี้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ดังนั้น การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการกล่าวหาว่าสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 30 ปี เป็นการประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการดำเนินการโครงการตามสัญญาสัมปทานเดิมของบริษัท ดังนั้นไม่ว่าผลการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษในกรณีดังกล่าวจะเป็นอย่างไร จะไม่มีผลกระทบต่อการขายหรือโอนรายได้ที่บริษัทฯ จะได้รับภายใต้สัญญาสัมปทานที่มีอายุเหลืออยู่ประมาณ 17 ปีให้กับกองทุนรวม BTSGIF ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ขณะนี้
อนึ่ง บริษัทฯ ได้ให้ความสนใจต่อเรื่องของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่สำนักงาน กลต. ได้ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ในช่วงต้นปี 2554 โดยเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล บริษัทฯ จึงได้ศึกษาและติดตามเรื่องของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม 2555 รัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 544) ซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนด้านภาษีที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมฯ อันทำให้การจัดตั้งกองทุนรวมฯ สามารถเริ่มดำเนินการได้จริง บริษัทฯ จึงได้เริ่มดำเนินการตามขั้นตอนในการจัดตั้งกองทุนรวม ฯ นับตั้งแต่การขออนุมัติจากคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นทั้งของบริษัทฯ เองและของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาโดย สำนักงาน กลต. ดังนั้น การดำเนินการจัดตั้งกองทุนรวมฯ ที่ดำเนินการอยู่ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงนามในสัญญาว่าจ้างเดินรถ 30 ปีที่ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2555
อนึ่ง เนื่องจาก บริษัทฯ ในฐานะที่เป็นเอกชน มีผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก บริษัทฯ ขอความเห็นใจจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้พึงใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการให้ข้อมูลและความเห็นหรือดำเนินการใด ๆ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อผู้ลงทุน ตลาดทุน และภาพลักษณ์ของประเทศด้วย