กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--IR PLUS
เตรียมเสนอขาย IPO 82.5 ล้านหุ้น ที่ปรึกษาฯ เผย บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ เล็งเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 82.5 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบคำขอฯ แล้ว หวังระดมทุนเป็นเงินทุนหมุนเวียนและลงทุนเพิ่มในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต มั่นใจปีนี้ธุรกิจโตก้าวกระโดดจากธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมระดับแนวหน้าของประเทศไทย ในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 82.5 ล้านหุ้น ของ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วนั้น ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อขอเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ขณะนี้จึงได้เตรียมดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อนำไปสู่การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 82.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ที่ 1 บาทต่อหุ้น ตามที่ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตฯ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ไว้ดังกล่าว
สำหรับ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ดำเนินธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก โดยมี 2 ธุรกิจดำเนินการ ภายใต้ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมด้านระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำ และกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง และอุตสาหกรรม ในขณะที่อีก 2 กลุ่มธุรกิจจะดำเนินการโดยบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด (PHA) และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดำเนินการโดย บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด (IGC) ซึ่งธุรกิจทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทนซึ่งถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่อยู่ในความสนใจของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับ การดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ธุรกิจจึงมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายสุรเดช บุณยวัฒน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ กล่าวว่า ปัจจุบันถือว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ โดยธุรกิจระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำของบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในตลาดที่ใช้ในอาคาร โดยบริษัทฯได้รับเลือก ให้เป็นผู้ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในอาคารขนาดใหญ่ชั้นนำมากมาย อาทิ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สนามกีฬาบางกอกฟุตซอล อารีน่า รวมทั้ง สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน และอาคารที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่
ในขณะที่ในธุรกิจผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรม ปัจจุบันถือเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากซีเมนต์เสริมใยแก้ว และผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสเสริมแรง โดยได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสถาปนิกในวงกว้าง ไว้วางใจใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในโครงการสำคัญมากมายหลายโครงการไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ผลิตจากซีเมนต์เสริมใยแก้ว (Glass Reinforced Cement: GRC) ได้แก่ การทำผนังกันเสียงให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีแดง สะพานพระราม 8 สะพานพระราม 4 ถนนรามคำแหง และผลิตภัณฑ์หลังคาและผนังเหล็กขึ้นรูป ซึ่งใช้ติดตั้งหลังคาของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คลังเก็บสินค้าของ บมจ. ท่าอากาศไทย ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในธุรกิจและการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการเป็นอย่างดี
“โครงการขนาดใหญ่และสำคัญมากมายใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและการยอมรับของตลาดในประเทศไทยอย่างแท้จริง ประการสำคัญผลิตภัณฑ์ของเราล้วนเป็นผลิตภัณฑ์
เพื่อสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคต และเป็นเทรนด์ที่ทุกคนให้การยอมรับและให้ความสำคัญนั่นหมายถึงโอกาสการเติบโตที่ชัดเจนและโดดเด่นอย่างแท้จริง ประกอบกับกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ได้สร้างชื่อเสียงจนได้รับการยอมรับในตลาดเมืองไทยมานาน สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่แสดงถึงความตั้งใจในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัทฯ และไม่ลืมที่จะคืนกลับไปสู่สังคมและพนักงานตามปณิธานของกลุ่มพรีเมียร์ ที่ได้สืบทอดมายาวนาน”
นายสุรเดช กล่าวว่า สำหรับธุรกิจในกลุ่มพลังงานทดแทน ด้านไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด (IGC) มีทั้งหมด 3 โครงการโครงการละประมาณ 5 MW รวม 15 MW ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)โดยโครงการแรกได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และPPP เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่ 2 และ 3เพิ่มเติมได้ภายในไตรมาส1ปี 2556 โดยจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทประหยัดพลังงาน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด (PHA)ในอนาคตมีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กำลังมาแรงทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งของ PHA โดยนำสินค้าประเภทประหยัดพลังงานอื่นๆ เช่น หลอดไฟฟ้าประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ตามบ้าน (Solar Roof Top) เข้ามาจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าพันธมิตรที่มีอยู่ประมาณ 500 แห่งทั่วประเทศได้อีกด้วย และในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตก้าวอย่างกระโดดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ทั้งกลุ่มธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน
ทั้งนี้ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 217.50 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือ 82.50ล้านหุ้น ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPOในครั้งนี้จะนำมาลงทุนเพิ่มในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตในอนาคต
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PLUS
คุณสารภี สายะเวส (จูน)
โทร. 02-541-4011 ต่อ 613
email : sarapee@irplus.in.th
www.irplus.in.th