สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 15, 2013 10:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,667 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,667 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.24 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,850 บาท กับ 23,950 บาท และกลับมาปิดที่ 23,850 บาท กับ 23,950 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 5,779 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 12,538 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 1 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 4% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 3 % และ Silver Futures เพิ่มขึ้น 0.2% GFG13 ปิด 24,100 บาท และ GFJ13 ปิด 24,240 บาท GF10G13 ปิดที่ 24,100 บาท GF10J13 ปิดที่ 24,250 บาท SVG12 ปิดที่ 929 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 8.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,669.4 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 70.2 เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 31.11 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,337.73 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิด เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ ปิดที่ระดับ 94.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 18.89 จุด ปิดที่ 13,507.32 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 53 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ CNBC, Kitco News, Bloomberg, Reuters, MarketWatch เมื่อ ช่วงตีสี่ที่ผ่านมา นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวว่า แม้ว่าข้อตกลงในเรื่อง Fiscal Cliff จะมีความคืบหน้ามากขึ้นในการแก้ไขปัญหาหนี้ แต่เราก็ยังไม่ได้ถือว่าผ่าจุดวิกฤตไปได้ โดยสหรัฐกำลังเข้าใกล้สู่จุดผกผันทางการคลังครั้งสำคัญ ซึ่งต้องมีการจัดหาเงินทุนรัฐบาล ที่เรียกว่า Sequester และสหรัฐต้องจัดการเรื่องเพดานหนี้ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจ อีกทั้งนายเบอร์นันเก้ยังได้กล่าวสะท้อนความเห็นของนายโอบามาในการเพิ่ม ระดับเพดานหนี้ว่า มีความสำคัญอย่างมากที่สภาคองเกรสต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มระดับเพดาน หนี้เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่รัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งเขาเองยังไม่ได้คิดถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอันใหม่ เพราะยังไม่มีวิธีการใหม่ที่สมบูรณ์ และโดยส่วนตัวเขาไม่เชื่อว่าการเข้าซื้อพันธบัตรจะเป็นการทำให้เกิดภาวะเงิน เฟ้อ โดยกำลังมีการหารืออย่างต่อเนื่องในประเด็นนี้ แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ การที่เฟดเพิ่มอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนด ซึ่งเขายังกล่าวต่อไปว่า ตลาดแรงงานได้มีการฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่ยังคงมีคนที่มีความสามารถจำนวนมากที่ตกงาน และภาพรวมการฟื้นตัวยังมีความเปราะบาง จึงยังต้องมีการแก้ปัญหาต่อไป และรัฐสภายังคงมีประเด็นปัญหาระดับเพดานหนี้อยู่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า เขามีความตั้งใจที่จะดำเนินการตามแคมเปญที่วางไว้ที่มีกำหนดแผนงานเกี่ยวกับ การจ้างงานใหม่ และระบบประกันใหม่สำหรับชนชั้นกลาง โดยเขาระบุว่าเราไม่สามารถลดระดับยอดขาดดุลโดยการตัดลดค่าใช้เพียงอย่าง เดียวได้ นายโกรเวอร์ นอร์ควิส ผู้ให้การสนับสนุนด้านภาษี กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC ว่า การใช้จ่ายของนายโอบามาที่มากเกินไปตลอดระยะเวลา 4 ปีควรจะต้องถูกหยุดยั้ง ซึ่งการต่อสู้กับภาระอันยิ่งใหญ่สองสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน ข้างหน้า ได้แก่ การปฏิรูปด้านภาษีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม และการจัดการเรื่องเพดานหนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้กลางเดือนมีนาคม การ ปรับเพิ่มภาษีเงินเดือน 2% ในปีนี้ของสภาคองเกรส จากระดับปี 2010 ที่ 6.2% จะส่งผลให้จีดีพีทั้งปีลดลงประมาณ 0.6% ทั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักในไตรมาสแรกเนื่องจากผู้บริโภคจะเริ่มมีปัญหา ด้านการเงิน และมีการประมาณการณ์ว่าในไตรมาสแรกการเพิ่มภาษีเงินเดือนจะส่งผลให้จีดีพี ไตรมาสแรกลดลงมากถึง 1.4% นายไกธ์เนอร์กล่าวเกี่ยวกับมาตรการพิเศษใน การหลีกเลี่ยงปัญหาเพดานหนี้ โดยกล่าวเมื่อคืนว่ากระทรวงการคลังจะเตรียมกรอบระยะเวลาสั้นๆ เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะใช้ได้ถึงช่วงวันที่ 15 ก.พ. — 1 มี.ค. และหากไม่สามารถเพิ่มระดับเพดานหนี้ได้ ก็จะใช้การตัดลดงบประมาณส่วนภาครัฐ ประกันสังคม และเงินเดือนที่จ่ายให้แก่ทหารแทน ตลาดหุ้นยุโรปและสกุลเงิน ยูโรฟื้นตัวขึ้นเมื่อวานนี้ จากมุมมองที่วิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปสามารถแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น ซึ่งทาง OECD ฐานกรุงปารีสได้รายงานเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนดูเหมือนจะเติบโตได้ดีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นาย โวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังของเยอรมนีเรียกร้องให้นายอเล็กซิส ทซิปราส ผู้นำฝ่ายค้านของกรีซซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศเยอรมนี ให้สนับสนุนการปฏิรูปเศรษฐกิจและมาตรการรัดเข็มขัด นายจอห์น ฮาทอเวย์ ผู้จัดการพอร์ทกองทุนทองคำทอคคีวิว ฐานกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า ราคาทองคำจะทำจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 2,000 เหรียญได้ในปีนี้ โดยจะได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวครั้งใหญ่ในกลุ่มหุ้นเหมืองทองที่อาจ ปรับตัวสูงขึ้นถึง 60 - 90% อ้างอิงข้อมูลจากผลสำรวจการคาดการณ์ อุตสาหกรรมจากธนาคารทองคำแท่งรายใหญ่จำนวน 23 แห่งโดย LBMA ระบุว่า ราคาทองคำจะมีจุดสูงสุดที่ระดับ 1,913 เหรียญในปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าระดับสูงสุดที่ 1,920.30 เหรียญในปี 2011 ธนาคารของเดนมาร์ก และเครดิต ซุส กรุ๊ป เอจี คาดว่าราคาทองคำอาจจะทำจุดสูงสุดแค่ในปีนี้ และจะปรับตัวลง ในขณะที่ยูนิเครดิตมองสวนทางกัน โดยธนาคารจากเดนมาร์กให้ราคาเฉลี่ยที่ 1,720 เหรียญปีนี้และจะลดลงมาที่ 1,600 เหรียญในปี 2014 ส่วนเครดิต ซุสให้ที่ 1,740 เหรียญปีนี้และ 1,720 เหรียญในปีหน้า ส่วนยูนิเครดิตให้ที่ 1,700 เหรียญแต่จะปรับเพิ่มในปีหน้าสู่ระดับ 1,800 เหรียญ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะมีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีกในการประชุมวันที่ 21-22 มกราคมนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแก้ปัญหาเงินฝืด ยอด ขายเครื่องประดับของจีนลดลง 5.57% สู่ระดับ 11.84 ตัน อย่างไรก็ตามปริมาณการใช้โลหะเพื่อใช้ทำเครื่องประดับได้เพิ่มขึ้น 0.55% สู่ระดับ 24.49 ตันในเดือน ต.ค. ปีที่แล้วเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.2% - PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.8% คาดการรณ์อยู่ที่ระดับ -0.1% - Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3% คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.2% - Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.2 % วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold —ราคาทองคำในรูปของเงินดอลลาร์เองยังเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways up อย่างช้าๆ จะเห็นได้ว่าค่าเงินดอลลาร์เองอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ในรูปของดอลลาร์อื่นๆ ค่าเงินยูโรขึ้นมาเหนือระดับ 1.3300 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับ Triple Top และ ณ ขณะนี้ ค่าเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3385 ดอลลาร์/ยูโรโดยประมาณ เรียกได้ว่าเป็นการเข้าสภาวะขาขึ้นของยูโร แต่ราคาทองคำเมื่อวานขึ้นไปทำจุดสูงสุดได้เพียงประมาณ 1,674 เหรียญ และกลับมาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,669 เหรียญ ในขณะที่ส่วนใหญ่การซื้อขายจะอยู่บริเวณ 1,668 เหรียญ สิ่งที่กระทบต่อราคาทองคำในรูปของเงินบาท ณ ขณะนี้คือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการที่มีเงินทุนไหลเข้า เงินบาทแข็งค่าขึ้นเช้านี้หลุด 30.20 บาท/ดอลลาร์ลงมา ณ ขณะนี้อยู่ประมาณ 30.10 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวกดดันทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ในสภาพข่าว Fundamentals จะเห็นได้ว่าถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้ยังตอกย้ำความจำเป็นในการที่จะต้องมี QE3 ทางMTS Gold จึงย้ำเน้นนักลงทุนให้ศึกษาและกรองข่าวที่ได้รับให้ดี จากการที่มีข่าวที่ประธานเฟดสาขาต่างๆ พูดนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไร้สาระไม่ค่อยมีความหมายเท่าไรนัก ต้องรอการพูดจากประธานเฟดเท่านั้น และจะเห็นได้ว่า นายเบอร์นันเก้เอง ยอมรับปัญหาทางการคลังและหนี้สาธารณะที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ รวมไปถึงความจำเป็นที่จะต้องมี QE3 อันนำมาสู่การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์อย่างรวดเร็วในช่วงนี้ วิเคราะห์ทางเทคนิคของทองคำ ราคาทองคำเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways up อย่างช้าๆ แต่ไม่สมดุลกับเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น จึงกดดันรูปของราคาทองคำในค่าเงินบาทให้อยู่ในสภาพของการปรับตัวลดลงในภาพ หลัก MTS Gold จึงแนะนำให้นักลงทุนเล่นในลักษณะทิศทางขาลง และให้ซื้อขายสั้นๆ ในระยะ 3 — 5 วัน โดยใช้วินัยในการลงทุน ถ้าผิดทางก็ปิดสถานะและ ปรับกลยุทธ์ ถ้าท่านลงทุนในลักษณะนี้จะขาดทุนไม่มาก และอาจได้กำไรกลับมา แต่ถ้าหากยังอยู่ในตลาดต่อไปจะประสบภาวะขาดทุนและจะขาดทุนมากขึ้น จึงแนะนำให้นักลงทุนเล่นสั้นและเล่นในทิศทางขาลงในกรอบระยะเวลาสั้นๆ โดยในวันนี้ราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ 1,658 เหรียญ และมีแนวต้านที่กรอบ 1,675 — 1,680 เหรียญ ซึ่ง MTS Gold มักจะให้แนวรับที่ใกล้และเป็นความจริงมากที่สุด โดยจะเป็นการวิเคราะห์เป็นรายวัน นักลงทุนจึงต้องติดตามบทวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องตามสภาพตลาดที่แกว่ง Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,890 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,150บาท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,020 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,250บาท Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 930 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็ง กำไรในภาวะการแกว่งตัวในแนวโน้มขาลง ในกรอบ 1,660 — 1,675 เหรียญ แนะนำให้ขายทำกำไรในลักษณะการทำ short ก่อนและปิดสถานะเมื่อราคาอ่อนตัว นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ยังแนะนำให้รอทำสถานะ short position โดย portfolio จะเป็นลักษณะ short position มากกว่า long position ทำกำไรในระยะสั้นๆ คาดว่าในช่วงผ่านมาน่าจะทำกำไรได้บ้าง จากการถูกกดดันของค่าเงินบาทให้ราคาเป็นขาลง นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ลดพอร์ทต่อเนื่องให้เป็น 0% เพื่อป้องกันภาวะความเสี่ยงของเงินบาทที่อาจแข็งค่าลงไปถึง 30.00 บาท/ดอลลาร์ด้วยซ้ำ สรุป ได้ว่า ราคาทองคำยังมองเป็นทิศทางขาลงในแนวโน้มขาลงในระยะสั้นๆ ในเชิงเทคนิคราคาต้องยืนเหนือ 1,695 เหรียญได้จึงจะเป็นขาขึ้น มิฉะนั้นจะเป็นเพียงการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบเท่านั้น บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้ วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ