สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 16, 2013 10:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,670 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,683 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.98 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,750 บาท กับ 23,850 บาท และกลับมาปิดที่ 23,850 บาท กับ 23,950 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 5,628 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 10,911 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 2 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 3% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 1 % และ Silver Futures ลดลง 0.2% GFG13 ปิด 24,090 บาท และ GFJ13 ปิด 24,240 บาท GF10G13 ปิดที่ 24,090 บาท GF10J13 ปิดที่ 24,240 บาท SVG12 ปิดที่ 943 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 14.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,683.9 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 41.9 เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 31.53 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,336.83 ตัน (ขายออก 0.9 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิด ลดลง 86 เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 25.57 จุด ปิดที่ 13,534.89 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 53 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ The Bullion Desk, Reuters, Bloomberg, Kitco News, Infoquest, USA Gold นักลงทุนเก็งกำไรให้ความสนใจทองคำมากขึ้น หลังจากราคาปรับขึ้นตามราคาแพลทตินัมที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าทองคำ เนื่องจากความกังวลด้าน Supply หลังจากที่ บริษัท Amplats วางแผนที่จะลดการผลิต 400,000 ออนซ์ โดยราคาทองคำไปทำจุดสูงสุดเมื่อวานที่ระดับ 1,684.90 เหรียญ CME Group กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของทองคำ มาจากการลดการผลิตทองคำในแอฟริกาใต้อย่างต่อเนื่อง นายอิริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน หนึ่งในผู้มีสิทธิ์ลงมติในนโยบาย QE กล่าวว่า เฟดอาจจะยังคงขยายการซื้อพันธบัตรจำนวน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หากไม่มีการฟื้นตัวเรื่องราคาสินค้าที่มีเสถียรภาพ และมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเขาคาดว่าเฟดมีศักยภาพที่จะขยายการเข้าซื้อเพียงพอหากจำเป็น แต่ก็หวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเพียงพอที่จะไม่ต้องขยายขนาดการเข้าซื้อพันธบัตร ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐส่งผลต่อราคาทองคำเพียงเล็กน้อย แต่ก็ได้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น และจำกัดการปรับตัวเพิ่มขึ้นของทองคำ แต่ค่าเงินดอลลาร์ก็ยังมีแนวโน้มขาลงในระยะสั้น ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาเกือบ 0.5% มาอยู่ที่ระดับ 1.3338 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงต้นของการซื้อขายตลาด comex ที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แม้ว่าดอลลาร์จะเริ่มอ่อนค่าในภายหลัง แต่ราคาทองคำก็ไม่ได้ปรับตัวสูงพอที่จะลดการปรับตัวลดลงในช่วงต้นตลาด โดยยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.5% แตะระดับ 4.1570 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าประเทศยังคงเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับนโยบายปรับเพิ่มภาษีและลดรายจ่าย ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐเดือนธ.ค.ลดลงต่อเนื่อง 0.2% หลังจากปรับลง 0.8% ในเดือนพ.ย. เนื่องจากราคาพลังงานยังคงปรับตัวลง และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมสหรัฐ (Empire State Index) เดือนม.ค.ร่วงลงแตะ -7.78 จาก -7.30 ในเดือนธ.ค. จากที่คาดว่าจะเพิ่มเป็นระดับ 1.9 โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตในนิวยอร์กยังคงอยู่ในภาวะหดตัวในช่วงเริ่มต้นปี 2556 จากผลกระทบของพายุแซนดี้ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการต่อสู้กับปัญหาประเด็นระดับเพดานหนี้ หลังจากนายเบอร์นันเก้ออกมากล่าวเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบ หากไม่สามารถตกลงเพิ่มระดับเพดานหนี้ได้ และจากการที่เขากล่าวว่าแผนการซื้อพันธบัตรกำลังจะช่วยเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตามปัญหาระดับเพดานหนี้ยังคงกดดันราคาทองคำ หลังนายไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีการคลังสหรัฐ และนายโอบามาออกมาให้มุมมองว่าเศรษฐกิจจะทรุดตัว หากแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ หลังจากที่นายเบอร์นันเก้ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ ตลาดทองคำได้เปลี่ยนการจับตาไปที่ประเด็นระดับเพดานหนี้ ซึ่งระดับหนี้อาจจะแตะเพดานได้ในต้นเดือนหน้า รวมถึงการเจรจาด้านตัดลดงบประมาณ ที่ถูกเลื่อนกำหนดการสิ้นสุดเป็นวันที่ 1 มี.ค. อีกด้วย นักลงทุนของตลาดลอนดอนกล่าวว่า แม้ว่าความไม่แน่นอนในการแก้ปัญหาของสหรัฐควรจะเป็นปัจจัยหนุนต่อทองคำ แต่ยังไม่มีความเชื่ออย่างแท้จริงจากตลาดถึงความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำที่จะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้จริงๆ คนส่วนใหญ่คาดว่า สหรัฐจะหาแนวทางการแก้ปัญหาในนาทีสุดท้ายเหมือนที่เคยเป็นมา ทำให้ไม่มีแรงจูงใจมากนักที่จะเปิดสถานะ Long หรือเกิดแรงซื้อตาม โบรกเกอร์ Triland Metals สาขาลอนดอนกล่าวว่า แม้ว่าราคาจะยืนเหนือระดับ 1,680 เหรียญได้ ก็ยังไม่เกิดแรงดึงดูดอย่างมีนัยสำคัญที่จะทำให้เกิดแรงซื้อตามได้ โดยให้แนวต้านระดับต่อไปที่ 1,700 — 1,705 เหรียญ และแนวรับที่ 1,650 — 1,655 เหรียญ ตลาดยังจับตารอตัวเลขจีดีพีของจีนที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ ยอดขายบ้านใหม่ในเมืองขนาดใหญ่ของจีนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคคาดว่าราคาจะดีดตัวขึ้นอีกในอนาคต ในช่วงตลาดเอเชีย สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์ หลังนายอากิระ อามาริ รมว.นโยบายเศรษฐกิจและการคลังของญี่ปุ่น กล่าวเตือนว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายอาเบะ อาจทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่ามากเกินไปเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ยอดเกินดุลการค้าของยูโรโซนในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 1.1 หมื่นล้านยูโร จาก 7.4 พันล้านยูโรในเดือนต.ค. จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจภูมิภาคยังคงเผชิญภาวะถดถอย ในรายงานมุมมองเศรษฐกิจทั่วโลกล่าสุดของธนาคารโลกที่ตีพิมพ์ออกมาวันนี้ ธนาคารโลกระบุเตือนว่าเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเปราะบางและไม่แน่นอน จากวิกฤตในยูโรโซนและปัญหาหนี้ในสหรัฐที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารโลกลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ เดิมเศรษฐกิจในปี 2012 ขยายตัว 2.3% คาดการณ์ว่าในปีนี้จะขยายตัว 2.4% ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์เดือนมิถุนายนที่ระดับถึง 3% เมื่อวานนี้ฟิทช์ เรตติ้งส์ออกมาเตือนว่า อังกฤษ สหรัฐ และฝรั่งเศสอาจสูญเสียอันดับ AAA ของตนเอง ซึ่งมีนักวิเคราะห์ออกมากล่าวว่า ทั้งสหรัฐ ฝรั่งเศส และอังกฤษต่างมีมุมมองเชิงลบ โดยมีผลสะท้อนมาจากการเผชิญหน้ากับภาวะทางการคลัง และเศรษฐกิจที่ไม่เติบโตเท่าที่ควร ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.3% - PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.8% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ -0.2% - Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.5% - Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.1% - Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -8.1 ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ -7.8 ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Core CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.2% - CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.3% คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.0% - TIC Long-Term Purchases ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 1.3B คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 19.8B - Crude Oil Inventories 1.3M คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 2.0M วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำเริ่มเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway up อย่างช้าๆ และยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง โดยเงินบาทเองปรับตัวหลุดระดับ 30.00 บาท/ดอลลาร์ลงมาเมื่อคืนนี้ ทำจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 29.95 บาท/ดอลลาร์ และยังเป็นตัวกดดันให้การขึ้นของราคาทองคำในรูปของค่าเงินบาททำได้ช้าลง ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อวานดูจะเป็นการผสมระหว่างตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาคงที่เท่าเดิม ในขณะที่ตัวเลขอื่นๆ ออกมาดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางด้านยอดค้าปลีก และตัวเลขภาคการผลิตดีขึ้นบ้างส่งผลทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปเองก็ออกมาเตือนว่าค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเกินไป ทำให้ค่าเงินยูโรเองกลับมาอ่อนค่าลงและถูกดึงลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3285 ดอลลาร์/ยูโรอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ขึ้นไปยืนและไปทดสอบ 1.3400 ดอลลาร์/ยูโรได้เมื่อวานนี้ ก็จะเห็นการแกว่งตัวของค่าเงินยูโรเช่นเดียวกัน ราคาทองคำยังมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,695 — 1,700 เหรียญ ในขณะที่แนวรับด้านล่างขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,665 เหรียญ คำแนะนำเริ่มเป็นการแนะนำให้ซื้อเข้าแทนที่จะเล่น Short Position ขอย้ำว่าเป็นคำแนะนำในระยะสั้น เพราะเหตุผลที่เงินบาทเริ่มจะหยุดตก โดยเงินบาทมีจุดต่ำสุดที่เคยทำไว้ที่ระดับ 29.70 บาท/ดอลลาร์ เป็นระดับเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2010 ประมาณ 2 ปีครึ่ง Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,250บาท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,100 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,400บาท Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 930 บาท และแนวต้านที่ระดับ 970 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในทิศทางขาขึ้น ซึ่งคาดว่าราคาจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นช้าๆ โดยจะมีแนวรับรายวันอยู่ที่ 1,675 เหรียญ และมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,685 เหรียญ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) เริ่มหาจังหวะทยอยเข้าซื้อเพื่อถือ Portfolio เพิ่มขึ้น ทิศทางโดยภาพรวมน่าจะเริ่มขยับขึ้นมาได้ คาดว่าระยะยาวราคาทองคำน่าจะทะลุ 1,700 เหรียญขึ้นไปได้ นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง แนะนำให้ทยอยเข้าซื้อเพิ่ม หลังจากที่หยุดรอดูความชัดเจนมาระยะหนึ่ง ปรับเพิ่มพอร์ทเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น ภาพรวมเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่อง Fiscal Cliff น่าจะเป็นประโยชน์ต่อราคาทองคำในช่วงเดือนนี้ สรุปได้ว่า MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวเป็นทิศทาง Sideway up อย่างช้าๆ โดยมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,695 — 1,700 เหรียญ บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ