กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--กรมธนารักษ์
กรมธนารักษ์จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการขยายปริมาณงานในการให้บริการประชาชน และประสานราชการ โดยหาพื้นที่ให้สำนักงบประมาณสร้างอาคารแห่งใหม่นอกพื้นที่กลุ่มอาคารกระทรวงการคลัง
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่าตามที่กระทรวงการคลัง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีนโยบายให้ส่วนราชการต่างๆที่สังกัดกระทรวงการคลังซึ่งมีทั้งส่วนที่ขยายปริมาณงานและเพิ่มผู้ปฏิบัติงาน หรือในส่วนที่จัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่แต่ยังไม่มีสถานที่ตั้งเป็นของตนเอง ได้มีสถานที่ตั้งอยู่ในกลุ่มอาคารกระทรวงการคลังเพื่อความสะดวกในการให้บริการประชาชนและประสานงานราชการ โดยปลัดกระทรวงการคลัง นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์จัดหาพื้นที่ให้สำนักงบประมาณ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินใช้เป็นสถานที่ตั้งหน่วยงานแห่งใหม่ กรมธนารักษ์จึงได้ตรวจสอบที่ดินและประสานงานกับหน่วยงานเป้าหมายเพื่อจัดหาพื้นที่ให้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว
นายนริศ กล่าวเพิ่มเติมว่าจากการประชุมหารือร่วมกับผู้แทนสำนักงบประมาณ นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงบฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2556 ทราบความประสงค์ของสำนักงบประมาณว่าต้องการใช้พื้นที่ ติดทางรถไฟฟ้า ในเบื้องต้นมีที่ดินราชพัสดุที่เหมาะสมจำนวน 2 แปลง คือ แปลงที่ตั้งสำนักงาน ร.ส.พ.(เดิม) ตรงข้ามวัดไผ่ตัน เนื้อที่ 3-1-79 ไร่ มีศักยภาพและความพร้อมสามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษและอาคารสูงได้ 25 ชั้น ยังไม่รวมชั้นใต้ดิน มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน และ แปลงซอยสายลม ที่กรมธนารักษ์จัดให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เช่ามาแต่เดิมสัญญาครั้งละ 3 ปี เพื่อเป็นคลังสินค้า ซึ่งปรากฎว่าใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า ล่าสุดสิ้นสัญญาเมื่อ 31 ธ.ค. 55 กรมธนารักษ์ยังไม่ต่อสัญญาให้ โดยแจ้งให้ สกสค.ทำแผนพัฒนาพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ หากสำนักงบประมาณมีความประสงค์จะใช้พื้นที่ดังกล่าว ก็สามารถนำมาใช้ได้ทันทีและก็อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้ามากนัก นอกจากนี้ยังได้มีการพิจารณาที่แปลงอื่นๆอีกซึ่งมีความเหมาะสมและมีข้อจำกัดแตกต่างกันไปซึ่งคาดว่าจะได้มีการตัดสินใจในไม่ช้าเพื่อให้ใช้งบประมาณปรับปรุงให้ทันในปีงบประมาณนี้
นายนริศกล่าวตอนท้ายว่าสำหรับการบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุแปลงอื่นๆทั่วประเทศ ได้มีการมอบนโยบายให้มีการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ไม่ให้ครอบครองเกินความจำเป็น หากตรวจพบก็จะขอคืนไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นในเชิงสังคม เศรษฐกิจ หรือรองรับการพัฒนาประเทศต่อไป