กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนการเปิดใช้ไฟฉุกเฉินไม่เหมาะสมกับสถานการณ์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พร้อมแนะผู้ขับรถเปิดใช้ไฟตัดหมอกเฉพาะในกรณีขับผ่านเส้นทางที่ทัศนวิสัยไม่ดี เส้นทางที่เป็นภูเขาสูง การขับรถในช่วงเวลากลางคืนหลังฝนตกหรือถนนมีน้ำเฉอะแฉะ และควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถขับสวนทางมา ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่เปิดใช้ไฟตัดหมอกผิดสถานการณ์ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายจราจรซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การเปิดใช้สัญญาณไฟตัดหมอกไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากจะผิดกฎหมายจราจรแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอีกด้วย โดยไฟตัดหมอกเป็นไฟที่มีลักษณะคล้ายสปอตไลท์จะกระจายแสงในระนาบกว้าง จึงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง และทำให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางรายอื่นสังเกตเห็นรถเราชัดเจนขึ้น แต่หากผู้ขับรถเปิดใช้ผิดสถานการณ์ แสงของไฟตัดหมอกจะส่องหรือแยงตาผู้ใช้เส้นทางรายอื่น ทั้งรถที่ขับนำหน้าและขับสวนทางมา จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะสถานการณ์ที่ผู้ขับรถสามารถเปิดใช้ไฟตัดหมอกได้ ดังนี้ กรณีขับผ่านเส้นทางที่ทัศนวิสัยไม่ดี เช่น หมอกลงจัด ควันไฟหรือฝุ่นละอองปกคลุม ฝนตกหนัก เป็นต้น ทำให้มองเห็นเส้นทางได้ในระยะต่ำกว่า ๕๐ เมตร กรณีขับผ่านเส้นทางที่เป็นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือกลางคืนซึ่งมีหมอกปกคลุมเส้นทาง
การขับรถในช่วงกลางคืนหลังฝนตกหรือถนนมีน้ำเฉอะแฉะ เพราะน้ำบนพื้นถนนจะลดการส่องสว่างของแสงไฟหน้ารถ
ไฟตัดหมอกจึงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง และลดการสะท้อนของแสงไฟกับพื้นถนนที่มีน้ำเจิ่งนอง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถขับสวนทางมา หรือในระยะที่สามารถมองเห็นไฟหน้ารถที่ขับสวนทางมาอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ แก้ไขเพิ่มเติมปี ๒๕๓๖ ระบุว่า ผู้ขับขี่สามารถเปิดใช้ไฟตัดหมอกได้เมื่อไม่มีรถขับอยู่ด้านหน้าหรือขับสวนทางมาในระยะ ๑๕๐ เมตร ซึ่งต้องเป็นหลอดไฟแสงสีขาวหรือสีเหลืองอ่อนเท่านั้น หากผู้ขับขี่เปิดใช้ไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามลักษณะและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ทำให้แสงไฟส่องตาผู้ร่วมใช้เส้นทางก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายจราจร ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท