กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--ปอร์เช่
ยอดขายปอร์เช่ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค พุ่งทะลุเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดขายที่สูงขึ้นถึง 4,730 คันในปี 2012
ปอร์เช่สร้างประวัติศาสตร์ยอดขายใหม่ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคด้วยยอดขายที่สูงขึ้นถึง 4,730 คันในปี 2012 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2012) และถือได้ว่าเป็นยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 20% หากเทียบกับยอดขายของปี 2011 ที่ผ่านมา ยอดขายหลักๆ ได้มาจาก 911 คาร์เรร่า (Carrera) และคาร์เรร่า เอส (Carrera S) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2012 แต่กลับสร้างยอดขายได้อย่างดีเยี่ยมโดยมีอัตราการเติบโตทางยอดขายถึง 80% เลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้รุ่นคาเยนน์ (Cayenne) และรุ่นพานาเมร่า (Panamera) ที่เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูยอดนิยมในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิคนั้นมียอดขายที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นเดียวกัน (59% และ 23% จากยอดขายทั้งภูมิภาคตามลำดับ)
Mr.Christer Ekberg กรรมการผู้จัดการ ของปอร์เช่ เอเซียแปซิฟิค กล่าวถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมนี้ว่า หลักๆ แล้วยอดขายที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์นั้นได้มาจาก 911 เจเนอเรชั่นที่ 7 ใหม่ล่าสุดที่ได้ออกมาเผยโฉม และสร้างยอดขายได้อย่างล้นหลาม รวมถึงคาเยนน์ (Cayenne) และพานาเมร่า (Panamera) ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากเช่นกัน เขากล่าวไว้ว่า “เคย์แมน (Cayman) ใหม่ล่าสุดกำลังจะเข้ามาเผยโฉมในภูมิภาคของเราในปีนี้ และยังมีปอร์เช่รุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างมากมายที่จะเข้ามาเปิดตัว อาทิเช่น 911 คาร์เรร่า 4 (911 Carrera 4) คาเยนน์ เอส ดีเซล (Cayenne S Diesel) คาเยนน์ เทอร์โบ เอส (Cayenne Turbo S) เป็นต้น ซึ่งเรามั่นใจว่าปี 2013 นี้จะกลายมาเป็นอีกปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับปอร์เช่ด้วยเช่นกัน”
ประเทศไต้หวันคือประเทศที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดในภูมิภาคโดยมียอดขายที่สูงถึง 1,711 คัน (เติบโตขึ้น 41%) ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นอันดับสองด้วยยอดขายที่สูงถึง 1,516 คัน (เติบโตขึ้น 17%) ยอดขายในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยมียอดขายคิดเป็น 18% ของยอดขายทั่วทั้งภูมิภาค ประเทศอื่นๆ ที่มีความสำคัญในภูมิภาคอย่างประเทศไทย ฟิลิปินส์ และเวียดนาม สร้างยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมียอดขายที่ 165 คัน 104 คัน และ 64 คันตามลำดับ ส่วนประเทศที่เหลืออย่างประเทศบรูไน เฟรนช์โปลินีเซีย อินโดนีเซีย นิวแคลิโดเนีย และศรีลังกา สร้างยอดขายรวมกันประมาณ 6% ของยอดขายทั้งภูมิภาค ยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เองเปรียบเสมือนเป็นตัวบ่งบอกให้เห็นว่า ตลาดในแต่ละประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา และจะกลายมาเป็นตลาดที่มีความเติบโตและสำคัญเป็นอย่างมากในอนาคต
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) มียอดส่งมอบให้ลูกค้าในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค ถึง 608 คัน (+80%) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ 911 เจเนอเรชั่นที่ 7 รถสปอร์ตที่เป็นตำนานของปอร์เช่ได้ดีเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ คาเยนน์ (Cayenne) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ยอดนิยมยังถือว่าเป็นรุ่นที่ทำยอดขายได้ดีที่สุด โดยมียอดขายถึง 2,787 คัน และถือว่าเติบโตขึ้นถึง 21.2% หากเทียบกับยอดขายปีที่ผ่านมา ยอดขายจากรถสปอร์ตแกรนทัวริสโม่อย่างพานาเมร่า (Panamera) ปอร์เช่ 4 ที่นั่ง 4 ประตูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมียอดส่งมอบถึง 1,084 คัน ถือได้ว่าเติบโตขึ้น 9.5% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา บ็อกซเตอร์ (Boxster) ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2012 และเคย์แมน (Cayman) รุ่นปัจจุบันซึ่งหยุดการผลิตแล้วและขายในช่วงต้นปี 2012 สร้างยอดขายได้ถึง 251 คันจากยอดขายรวม 4,730 คัน
คุณวินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด กล่าว “ยอดขายรถยนต์ปอร์เช่ในปีที่ผ่านมา หลักๆ แล้วมาจากรุ่นที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกที่ผ่านมา นั่นคือ รุ่นคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) และพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ทั้งสองรุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการผลิตรถสปอร์ตตามแนวคิดและหลักปรัชญาของปอร์เช่ที่ว่า "ประสิทธิภาพการทำงานอย่างอัจฉริยะของปอร์เช่ หรือ Porsche Intelligence Performance” ยิ่งกว่านั้นในปีที่ผ่านมานี้ ปอร์เช่ได้เปิดตัวรถสปอร์ต โร้ดสเตอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ นั่นคือ บ็อกซเตอร์ใหม่ล่าสุด (The new Boxster) ที่ได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งภายในปี 2013 นี้ ท่านจะพบกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง 2 ที่นั่งเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจะเปิดตัวถึง 2 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่นเคย์แมน (Cayman) และเคย์แมน เอส (Cayman S) ล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดทั้งคัน ตัวรถต่ำกว่าและยาวกว่าเดิม เบาขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่า เคย์แมน เจเนอเรชั่นที่ 3 ใหม่ล่าสุดคันนี้ สามารถสร้างความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการของเหล่าคนรักรถสปอร์ตอย่างแน่นอน
และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ลูกค้าของเราต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยีชั้นนำและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งปอร์เช่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้รถยนต์ปอร์เช่ได้รับการตอบรับจากตลาดรถหรูของไทยเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มได้อีกอย่างต่อเนื่อง”