สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 24, 2013 09:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,692 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,690 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.77 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,800 บาท กับ 23,900 บาท และกลับมาปิดที่ 23,800 บาท กับ 23,900 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,979 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,065 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 1 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.01% แบบ 10 บาท ลดลง 2.7% และ Silver Futures ลดลง 0.3% GFG13 ปิด 24,040 บาท และ GFJ13 ปิด 24,170บาท GF10G13 ปิดที่ 24,040 บาท GF10J13 ปิดที่ 24,180 บาท SVG12 ปิดที่ 974 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 6.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,686.7 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 26.2 เซ็นต์ ที่ระดับ 32.439 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,334.11ตัน (ขายออก 1.81 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 1.45 ดอลลาร์/บาร์เรลปิดที่ระดับ 95.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 67.12 จุด ปิดที่13,779.33 จุด ข่าวที่สำคัญ The Bullion Desk, Reuters, Bloomberg, Kitco News, Market Watch, Infoquest - ราคาทองคำเมื่อคืนนี้ได้พยายามทดสอบแนวต้าน แต่ได้กลับตกลงมาจากราคาปิดก่อนหน้าเป็นครั้งแรก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำช่วงเช้ายังคงปรับตัวลดลง โดย Reuters กล่าวว่า การที่ราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากมีความเชื่อมั่นของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเอเชีย ที่ค่อยๆ มีอิทธิพลต่อทองคำมากกว่าวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจในสหรัฐ ได้ลดความดึงดูดของทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟได้ลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก และคาดว่ายุโรปจะยังหดตัวเป็นปีที่ 2 จากความพยายามในการต่อสู้กับวิกฤตหนี้ ไม่ทำให้เศรษฐกิจเกิดการฟื้นตัว - MKS กล่าวว่า ราคาที่ปรับตัวลดลงได้ยืนยันแนวโน้มความเป็นขาลง หลังจากไอเอ็มเอฟลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลก และมีมุมมองว่าเศรษฐกิจยุโรปยังอ่อนตัว โดยการลงมติเพิ่มระดับเพดานหนี้ของสหรัฐไม่ส่งผลต่อตลาด - ในขณะที่ Bloomberg มองว่า ราคาทองคำลดลงจากการลงมติผ่านร่างในการเพิ่มระดับเพดานหนี้ชั่วคราว ได้ลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงปริมาณความต้องการทองคำจากอินเดียที่ลดลง โดยรัฐสภาสหรัฐได้อนุมติร่างกฎหมายที่จะเพิ่มระดับเพดานหนี้ไปอีก 3 เดือนจนถึงวันที่ 19 พ.ค. - ผู้ผลิตรายใหญ่ของสหรัฐดูเหมือนจะมีความมั่นใจมากขึ้น จากการที่คาดว่าในปี 2013 ความกังวลเกี่ยวกับ Fiscal Cliff จะค่อยๆหายไป และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยุโรปที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงการฟื้นตัวอย่างมากในเดือน ม.ค. - โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนอยู่ที่ -24 มากกว่าคาดที่ -26 ค่าเงินยูโรได้กลับมาแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับ 1.33 ดอลลาร์ต่อยูโร ดัชนีราคาบ้าน (HPI) ของสหรัฐ อยู่ที่ 0.6% ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5% (แต่ได้มีการปรับทบทวนเป็น 0.6% แล้ว) แต่ต่ำกว่าคาด 0.7% และยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อไป - SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อวันอังคาร แต่กองทุนได้มีทองคำลดลง 15 ตันตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้จนถึงวันอังคารที่ผ่านมา - ความต้องการทองคำแท่งยังคงแข็งแกร่งในเอเชียส่วนใหญ่ แต่คาดว่าผู้ซื้อในอินเดียจะหยุดซื้อในอีก 2-3 วันข้างหน้า เพื่อรอรายละเอียดของการเพิ่มภาษีนำเข้าทองคำจากรัฐบาล - TD Securities กล่าวว่า ความต้องการ ETF ดูเหมือนจะคงที่ หลังจากมีการลดลงตลอดเดือน ม.ค. และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ Iamgold คาดการณ์เมื่อวานนี้ว่าจะเพิ่มวัตถุดิบในการผลิต 114% จากในรายงานก่อนหน้าเดือน ต.ค. และคาดว่าจะผลิตทองคำได้ 875,000 — 950,000 ออนซ์ในปี 2013 DJ Kingsgate มีผลผลิตทองคำในไตรมาสที่ 2 ลดลงเมื่อเทียบรายปี เนื่องจากโรงงานถูกรบกวนการผลิต - รอยเตอร์ส และ โซเชียท เจเนอรัล กล่าวว่า รายงานของการทำ Hedging ด้วยทองคำ ยังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงในไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้ว และคาดว่า ในปี 2013 การเพิ่มและลด Hedging จะยังไม่มีผลต่อตลาด - ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% จากก่อนหน้าที่เพิ่มถึง 1.1% - วันนี้จะมีการประชุมทางเศรษฐกิจของโลก (WEF) เป็นวันที่ 2 โดยเมื่อวานนี้ได้มีการกล่าวถึงธนาคารที่มีขนาดใหญ่เกินไปที่จะจัดการระบบได้ - นอกจากนี้ในการประชุม รัฐมนตรีคลังของอังกฤษได้กล่าว กระตุ้นให้อังกฤษให้ยังอยู่ในอียูต่อไป เพื่อเศรษฐกิจที่ดีของอังกฤษเอง หลังนายกรัฐมนตรี นายคาเมรอนสัญญาว่าจะมีการลงประชามติประเด็นนี้ภายในปี 2017 ขณะที่เยอรมันและฝรั่งเศสปฏิเสธความพยายามของนายคาเมรอนที่จะแบ่งแยกสมาชิกออกจากยูโร และให้คำมั่นว่าจะไม่ปล่อยให้อังกฤษออกจากยูโรโซน นอกจากนี้หัวหน้าทางเศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ นายโอลิเวียร์ บลันชาร์ด กล่าวว่า การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อาจจะเพิ่มการพูดถึงประเด็นสงครามค่าเงินได้อย่างมาก - ยอดขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานของอังกฤษในเดือนธ.ค. ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาดแรงงาน ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน -ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 335K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 359K - Flash Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 54.2 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 53.2 - Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.0M คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.9M วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ภาพรวมราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลงหลังจากที่ไม่สามารถเคลื่อนผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,695 เหรียญไปได้ โดยแหล่งข่าวอ้างว่าเป็นจากความผิดหวังในการที่สหรัฐสามารถลงมติขยายเพดานหนี้ไปอีก 3 เดือนและการเพิ่มภาษีนำเข้าอินเดียเป็น 6% ในเชิงเทคนิคเริ่มบ่งบอกสภาวะขาลงชัดเจนอีกครั้งของทองคำ แนะนำให้นักลงทุนกลับทิศทางการเล่นจากการซื้อเป้นขายทำ Short Position ซึ่ง MTS Gold ย้ำเน้นในการเล่นสั้น 3 — 5 วัน ยังมองว่าในการกลับทิศนักลงทุนควรจะพลิกกลับให้ได้ทันสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เริ่มเปลี่ยนไป แนะนำให้เริ่มทำการ ลด Position จาก Long ให้ลดลงเหลือประมาณ 10-20% หรืออาจจะเป็น 0% โดยการพิจารณาที่จะทำ Short Position เพื่อเล่นเก็งกำไรในทิศทางขาลงมากกว่า แนวรับของทองคำถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 1,675 เหรียญซึ่งเป็นแนวรับระยะสั้นในสัญญาณแบบรายชั่วโมง และแนวต้านอยู่ที่ 1,690 เหรียญ แนะนำให้ขายก่อนและค่อยซื้อกลับ Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,050 บาท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,200 บาท Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 910บาท และแนวต้านที่ระดับ 950 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในทิศทางขาลง กรอบการเก็งกำไรจะอยู่ที่ 1,677 — 1,690 เหรียญ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ปรับกลยุทธ์ Portfolio เป็น 0% พิจารณาทำ Short Position 5% นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ปรับ Portfolio เป็น 0% หรือเพียง 5% เท่านั้น เพื่อป้องกันการติดดอยในระดับสูง พิจารณาขายเมื่อราคาขึ้นมาบริเวณแนวต้าน เล่นยาวเป็นลักษณะ Short Position สรุปได้ว่า MTS Gold ย้ำเน้นการเล่นในกรอบสั้นๆ กลยุทธ์จึงจะต้องปรับตัวให้ทันกับสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป จากแนวโน้มที่เป็น Sideway up กลับมาเป็นแนวโน้มขาลงอีกครั้งหนึ่ง บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ