กรุงเทพฯ--24 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
บทบาท-คาแร็คเตอร์ในภาคนี้ปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
เคน กระทิงทองในภาคนี้ก็จะโตขึ้น และเปลี่ยนคาแร็คเตอร์จากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย เพราะว่าจากภาคแรกที่ทุกคนเห็นว่าเจ้าชู้ เที่ยวผู้หญิง เล่นเสเพลอะไรไปบ้าง แต่ภาคนี้โตขึ้นตามอายุ และได้ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “มาลัย” (วิว วรรณรท) ที่เรารักอย่างจริงจัง เป็นรักแท้ของเรา ก็ปิดฉากการเป็นคนเจ้าชู้ไปเลย รวมไปถึงการที่โตขึ้นในหน้าที่การงาน ได้ไปทำงานบริษัทของคุณจัน ก็มีความรับผิดชอบมากขึ้น โตขึ้นในบทบาทต่างๆ ความคิดความอ่านทุกอย่างจะดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีการวางแผน ทำงานมากยิ่งขึ้น ตอนแรกความคิดความอ่านอาจจะไม่ค่อยมีเลย แต่ว่าพอมาทำงานจริงๆ ก็ต้องเรียกได้ว่าคุณจันก็สอนให้มีความรู้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะมารับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายได้
เรื่องราวในภาคนี้เป็นอย่างไร
ภาคนี้ก็จะต่อจากภาคที่แล้วที่คุณจันกับเคนนั่งรถไฟไปพิจิตร พอภาคนี้ก็จะเปิดเรื่องด้วยคนแก่ 2 คนนั่งคุยกัน จะมีเคนเป็นคนแก่ด้วยในภาคนี้ แล้วก็มานั่งเล่าถึงชีวิตย้อนกลับไปหลังจากที่ไปอยู่ที่พิจิตรแล้ว เราก็จะไปอยู่กับคุณท้าวยายที่พิจิตร แล้วคุณท้าวยายก็จะมอบหมายให้คุณจันเรียนรู้เกี่ยวกับกิจการต่างๆ ที่พิจิตร เพราะว่าคุณท้าวยายก็แก่มากแล้ว คุณจันก็ต้องมาเรียนรู้ ทำให้ผมซึ่งเป็นผู้ติดตามก็ได้เรียนรู้ไปด้วย แล้วก็ได้ไปช่วยคุณจันตามหาพ่อ ก็คือคุณจันอยากจะพบพ่อ ก็ไปตามหาตามสถานที่ต่างๆ ตามบุคคลต่างๆ ว่าเคยเห็นเคยรู้จักพ่อของคุณจันไหม อีกด้านหนึ่งก็คือ คุณท้าวยายจะโกรธแค้นและเกลียดคุณหลวงมาก ก็เลยปลูกฝังคุณจันตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า ให้เกลียดคุณหลวง ให้สักวันต้องกลับไปแก้แค้น พอเรื่องดำเนินผ่านไประยะหนึ่ง คุณจันกับเคนก็มีเรื่องให้ต้องกลับไปที่พระนคร ก็คือตรงกับที่คุณท้าวยายคาดหวังไว้ว่าให้กลับไปแก้แค้น เราก็ต้องตามคุณจันกลับไป แต่เราจะคอยบอกให้คุณจันเบาๆ หน่อย ไม่ต้องแก้แค้นอะไรมาก เพราะคุณจันก็ได้ทุกอย่างหมดแล้ว สมบัติอะไรก็แล้วแต่มีทุกอย่างเยอะมากอยู่แล้ว อำนาจก็มีเยอะมากอยู่แล้ว อย่าไปทำร้ายคุณหลวงไปแก้แค้นอะไรกันเลย แต่คุณจันก็ไม่ฟัง เพราะถูกคุณท้าวยายปลูกฝัง แล้วตัวเองก็เกลียดคุณหลวงอยู่แล้ว แต่คุณจันไม่ยอมฟังก็เลยเกิดการทะเลาะกันขั้นรุนแรง ไม่คุยกัน ไม่สนใจกัน แยกกันอยู่เลย ไม่เจอหน้าไม่อะไรกันเลย ก็เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะร้ายแรงที่สุดในเรื่องนี้เรื่องหนึ่ง นอกจากนั้นก็มีอีกหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นกับทุกตัวละครทำให้เกิดการพลิกผันของชีวิตอย่างไม่คาดคิดกันเลย
การแสดงหรือการเข้าถึงบทบาทมีความยากง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง
ยังยากเหมือนเดิมครับ ไม่ได้ยากขึ้นหรือว่ายากน้อยลง ยังยากอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าคาแร็คเตอร์มันก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เหมือนเรารับอีกบทบาทหนึ่ง เรียกได้ว่าอาจจะเป็นอีกบทบาทหนึ่งแต่ว่าเป็นบทบาทที่มีแบ็คกราวด์เป็นแบบนี้ คือคาแร็คเตอร์ตัวนี้แต่ก่อนเป็นแบบภาคแรกที่เที่ยวที่เสเพลอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าอีกคาแร็คเตอร์นึงของภาคนี้ก็คือ โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น คือสลับกันเลย แต่ว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่คนนี้ก็ยังมีแบ็คกราวด์ลักษณะนิสัยพื้นฐานของตัวละครนี้อยู่ ก็เลยต้องมีความเชื่อมโยงจากภาคแรกอยู่ ก็ยังต้องมีการพูดคุยทำการบ้านค่อนข้างเยอะสำหรับบทนี้อยู่เช่นเคย
ฉากแต่งงานของเคนเป็นอย่างไรบ้าง
ฉากแต่งงานเป็นฉากที่อลังการมากๆ เพราะว่าก็เหมือนที่หม่อมเขียนไว้ ก็คือเราเป็นเหมือคนสนิทของคุณจัน ซึ่งตระกูลคุณจันก็คือพิจิตรวานิชก็จะใหญ่มากที่พิจิตร บ้านก็ใหญ่โตมโหฬาร ส่วน “มาลัย” ก็จะเหมือนลูกผู้ใหญบ้านแถวๆ นั้น ก็มีฐานะเหมือนกัน ทำให้งานค่อนข้างจะอลังการ แล้วมันก็เป็นฉากแต่งงานฉากแรกของผมในชีวิตการแสดงด้วย และก็เป็นฉากแต่งงานที่ค่อนข้างจะย้อนยุค มีการสวมมาลัยที่หัว และก็รดน้ำสังข์โดยผู้ใหญ่ และก็มีแขกบ้านแขกเมืองของพิจิตรมาค่อนข้างเยอะ ก็ใหญ่โตตื่นเต้นดีครับ
ฉากนี้ก็ต้องแต่งงานกับ “วิว วรรณรท” ที่เล่นเป็น “มาลัย” การร่วมงานกันก็สนุกดีครับ เพราะว่าเรารู้จักกันอยู่แล้ว ทำให้การแสดงในฉากแต่งงานหรือว่าฉากที่เราสะดุดและล้มรับเขา ตอนแรกถ้าเราไม่รู้จักกันอาจจะเคอะเขินกันบ้าง แต่ว่าเราร่วมงานกับเขาในละครมาก็ 3-4 เรื่องได้ก็สนิทกันรู้จักกันอยู่แล้วก็เลย ไม่ค่อยจะเคอะเขินสักเท่าไหร่ แต่นี่เป็นหนังเรื่องแรกของวิว เขาก็จะค่อนข้างมาถามคำแนะนำนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับหนังว่ามันไม่เหมือนและแตกต่างจากละครยังไง ก็จะมีการพูดคุยและซ้อมกันก่อน ทำให้เวลาถ่ายจริงมันง่ายและก็สนุกดีครับ
ฉากสงครามใหญ่เป็นอีกหนึ่งฉากไฮไลต์ของเรื่อง
ฉากสงครามเป็นฉากที่ผมตั้งตารอที่สุดฉากหนึ่งของภาคนี้เลย เพราะว่าเป็นฉากที่ตอนเราไปถ่ายทำทีมงานจะเซ็ตฉากและอุปกรณ์ต่างๆ อลังการมาก มันมีความรู้สึกว่าขณะเล่นอยู่เหมือนเป็นสงครามโลกย่อยๆ เลย เรียกว่าอลังการจริงๆ ก็จะมีการเพิ่มซีจีเข้าไปเกี่ยวกับระเบิดใหญ่ๆ ของเครื่องบิน หรืออะไรต่างๆ นานา ทำให้คนที่ชอบดูหนังแอ็คชั่นอย่างผม อยากเห็นฉากนั้นว่าทำออกมาเสร็จแล้วในจอใหญ่ๆ จะเป็นยังไง เพราะว่าตอนเช็ตฉากตอนแรกก็เซ็ตปกติก่อนที่ระเบิดจะลง เดินคุยกัน มีรถมีทหาร มีชาวบ้านเดินคุยกัน พอมีสัญญาณเตือนภัยเกิดขึ้น มีระเบิดลงมาก็ต้องมาเซ็ตอีกแบบหนึ่ง ก็คือทุกอย่างพังหมดเลย ก็ไฟเผาไหม้หมดทั้งฉาก พื้นไหม้ มีเลือด มีคนนอนตาย มีทหารบาดเจ็บ มีคนบาดเจ็บ ฉากมโหฬารมาก มี Extra ประมาณเป็นร้อยๆ คน และก็เป็นฉากที่ใหญ่ที่สุดของหนังภาคนี้เลยก็ว่าได้ ตั้งตารอมากๆ อยากจะชมว่าในจอใหญ่จะเป็นยังไง หม่อมรับรองไว้แล้วว่าไม่ผิดหวังครับ
ฉากนี้เป็นฉากที่ดราม่าจากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแล้ว ยังมีดราม่ากับสงครามอีก ก็เป็นการผสมผสานกันระหว่างดราม่ากับแอ็คชั่น และก็ความเศร้า ฉากนี้จะเป็นฉากที่ค่อนข้างเศร้าโศกเสียใจ เพราะมีการสูญเสียกันค่อนข้างเยอะ ก็ต้องเตรียมงานกันนานพอสมควร เพราะว่าก่อนถ่ายต้องมีการซ้อมกันเยอะ ก็อย่างที่บอกคือ Extra ค่อนข้างเยอะ มีเป็นหลายร้อยคน แล้วก็มีการซักซ้อม Extra ซึ่งแบ่งเป็น 3 กรุ๊ปเลย กรุ๊ป A จากฝั่งขวา กรุ๊ป B จากฝั่งซ้าย กรุ๊ป C ตรงกลาง กว่าจะได้ถ่ายจริงๆก็ซ้อมกันหลายครั้งอยู่เหมือนกัน แต่พอถ่ายจริงแล้วก็ทำให้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น เพราะว่าได้ซ้อมกันอย่างดีแล้ว
การเปลี่ยนแปลงลุคเป็นคนแก่
สำหรับการแต่งแก่ เป็นครั้งแรกของผมที่แต่งแก่ ภาคที่แล้วไม่มีเป็นของมาริโอ้คนเดียว ภาคนี้ผมก็มีส่วนร่วมในการเป็นคนแก่ด้วย ก็คือเราจะมานั่งเล่าเรื่องพร้อมกัน ก็คือในภาคแรกที่คุณจันนั่งเล่าคนเดียวเพราะว่าผมยังมาไม่ถึง คุณจันมาก่อนก็เลยมานั่งรอเวลา ระหว่างนั่งรอเวลาคุณจันก็มานั่งเล่าเรื่องในภาคแรกไป พอเปิดเรื่องในภาคที่สองผมมาถึงพอดีก็เลยเดินเข้ามาในฉาก เดินเข้ามาในเรื่องแล้วก็นั่งคุยกับคุณจัน แล้วก็นั่งเล่าย้อนกลับไป ช่วงนั้นเป็นยังไง ช่วงนี้เป็นยังไง
และจะมีช่วงหนึ่งที่ผมชอบมากก็คือ มันจะมีมุมมองชีวิตของคุณจันในมุมของเคน ในสายตาของเคนที่มองย้อนกลับไปด้วย ซึ่งผมอยากให้คนที่ไปชมไปดู ให้ลองสังเกตดูว่า ในช่วงเวลาที่คุณจันเล่าย้อนกลับไปถึงชีวิตของตัวเอง กับในช่วงเวลาที่เคนเล่าไปในชีวิตของเคนกับคุณจัน มันมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ในมุมมองของคุณจันที่เป็นคนคาแร็คเตอร์แบบนี้ กับเคนที่มีคาแร็คเตอร์แบบนี้ เล่าย้อนกลับไปมันเหมือนกันไหม อยากให้ลองติดตามชมกันดู
สำหรับตอนแต่งแก่ก็ค่อนข้างจะทรหดทรมานพอสมควร ไม่ได้ถ่ายแค่ครั้งเดียวด้วย มีการถ่ายใหม่ด้วย เพื่อต้องการให้เวลามาอยู่ในจอใหญ่แล้วมันจริงที่สุด เหมือนจริงที่สุด ตอนแรกฟิตติ้งก่อน ก็มีการแต่งแก่ก่อน คือไม่ใช่ฟิตติ้งแค่เสื้อผ้าอย่างเดียว มาฟิตหน้าคนแก่ด้วย 2 ครั้ง และพอตอนไปถ่ายจริง ก็ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผม และก็มาถ่ายทำกัน ก็ค่อนข้างจะทรหดเพราะว่าเราต้องมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาแต่งในตอนเช้ามืด แต่งเสร็จพอดีแสงมาเราจะถ่ายได้เลย เพราะฉากคนแก่ค่อนข้างจะเยอะอยู่เหมือนกัน ใช้เวลาถ่ายค่อนข้างนาน ต้องใช้เวลาทั้งหมดให้คุ้ม แต่พอวันนั้นถ่ายวันแรกเสร็จ ก็มีบางฉากที่หม่อมยังไม่ชอบ หรือว่าเอฟเฟ็คต์ต่างๆ ยังไม่ลงตัว ก็มีการถ่ายเพิ่มขึ้นอีกคิวหนึ่ง โดยมีการเสริมเทคนิคพิเศษต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพราะว่าเทคนิคของอเมริกากับเทคนิคของไทยก็ใช้ด้วยกันได้แค่บางส่วน เพราะอากาศเมืองไทยมันร้อนมากกว่า ทำให้เอฟเฟ็คต์ต่างๆ หรือว่าสิ่งที่นำมาใช้กับการแต่งหน้ามันแพ้อากาศร้อน ก็มีการปรับวิธีให้เข้ากับเมืองไทยมากยิ่งขึ้น ก็คือมีการถ่ายใหม่อีกวันหนึ่ง รู้สึกวันนั้นจะแต่งเกือบๆ 5 ชั่วโมง และก็มีการทำให้เนียนมากที่สุด ก็ค่อนข้างจะนาน แต่พอออกมาแล้วรู้สึกว่าคุ้มและดูโอเคเลย
เสน่ห์และความน่าสนใจโดยรวม
สำหรับ “จันดารา ปัจฉิมบท” ผมบอกได้เลยว่าคาแร็คเตอร์ทุกตัวละครของทุกคนไม่ว่าจะเป็นตัวไอ้เคน คุณจัน คุณบุญเลื่อง คุณท้าวยาย คุณหลวง น้าวาด คุณแก้ว ทุกคนจะมีการพลิกคาแร็คเตอร์จากหน้ามือเป็นหลังมือทุกคนเลย อย่างผมจากหนุ่มวัยรุ่น เสเพล เที่ยวผู้หญิง เจ้าชู้ จะปรับเป็นคนเอาการเอางานมากยิ่งขึ้น แต่งงานมีลูกมีเมีย ชีวิตมั่นคงยิ่งขึ้น คือเปลี่ยนไปเลย ให้เห็นถึงความแตกต่างและการเติบโตของคาแร็คเตอร์ทุกๆ คน จะมีให้เห็นชัดเจนมาก และเรื่องราวต่างๆ ก็จะเป็นวัฏจักรกงเกวียนกำเกวียนของชีวิตคนที่มีการเกิดแก่เจ็บตาย มีการแก้แค้น มีการแย่งชิงอำนาจ มีการเมืองเล็กๆ ภายในบ้าน หรือว่าความรักระหว่างเพื่อนก็ยังมีอยู่ แต่ว่ามีการทะเลาะกันขั้นรุนแรง ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของคู่นี้ว่าเวลาทะเลาะกันแล้วมันเป็นยังไง หรือว่าเวลาที่จะกลับมาคืนดีกันเป็นยังไง หรือว่าความรักระหว่างเคนที่มีต่อรักแท้ รวมถึงคุณจันที่มีต่อไฮซินธ์ก็ยังมี คือเนื้อเรื่องมันเข้มข้นมาก รวมไปถึงฉากสงครามที่ใหญ่มาก พูดได้เลยว่าครบรสมากทั้งดราม่าสุดๆ เคล้าน้ำตา มีแอ็คชั่น มีฉากเลิฟซีน ความอลังการของฉาก ความสวยงามของภาพ คอเมดี้เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังมีอยู่ ครบรสมากยิ่งขึ้นกว่าภาคปฐมบท อยากให้ทุกคนลองติดตามชมกันดูว่ามันจะเป็นยังไง
คุณค่าของภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้รับ
แง่คิดต่างๆ ที่จะได้จากเรื่องนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าจุดไหนจะกระทบใจของตัวเอง เราเป็นคนเดียวที่รู้ว่านิสัยใจคอของเราจริงๆ แล้ว ในความลึกตื้นหนาบางของจิตใจเราเป็นคนยังไง เวลาไปชม อะไรที่ไปสะกิดจุดตรงนั้นได้ เราก็จะคิดได้ แต่ที่แน่ๆ หลักสำคัญที่ได้แน่นอน ก็คือการแก้แค้น การบ้าอำนาจ การบ้าเงินทอง อะไรก็แล้วแต่ที่เห็นแก่ตัว มันทำให้ชีวิตของเราหรือว่าใครที่เป็นแบบนั้นแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด และก็ไม่ควรเอามาเป็นแบบอย่าง เราควรใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มันก็จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นแน่นอน อย่าไปยึดตามแบบของบางคาแร็กเตอร์ที่บ้าอำนาจ และพยายามที่จะแก้แค้นอย่างเดียวมันจะทำให้ชีวิตคุณดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ ครับ