กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท (NOBL06NA) ของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” โดยสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตราสัญลักษณ์ของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาปานกลางถึงสูง ตลอดจนแผนการขยายโครงการที่ระมัดระวัง และโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่มีการใช้หนี้ในระดับปานกลาง ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนด้วยความเสี่ยงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยที่ผลกระทบต่อธุรกิจจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารชุดพักอาศัยให้อยู่ในเกณฑ์ที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ได้ในระยะปานกลางแม้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 จะต่ำกว่าที่คาดไว้ก็ตาม การลงทุนในธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาจจะทำให้ภาระหนี้ของบริษัทสูงขึ้น ทว่าก็จะทำให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางในประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2534 โดยนายกิตติ ธนากิจอำนวย นายชาลี โสภณพนิช และนางพนิดา เทพกาญจนา ณ เดือนมิถุนายน 2547 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทประกอบด้วย กลุ่มธนากิจอำนวย 8% Lehman Brothers Holding Inc. 4% กลุ่มวีรวรรณ 4% และกลุ่มบุศราพันธ์/บุศราวงศ์ 3% โดยกลุ่มธนากิจอำนวยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กลุ่มบุศราพันธ์/บุศราวงศ์และกลุ่มวีรวรรณซึ่งถือหุ้นรวมกันประมาณ 19% มีบทบาทเป็นผู้บริหารบริษัทมาตั้งแต่การก่อตั้ง ณ เดือนกันยายน 2547 บริษัทได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปแล้วจำนวน 21 โครงการ มูลค่ารวม 9,300 ล้านบาท และส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าไปแล้วจำนวน 3,600 หน่วย ปัจจัยสำคัญที่บริษัทใช้ในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นคือการเสนอแบบบ้านที่แตกต่างซึ่งเป็นรูปแบบที่พักอาศัยที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในโครงการบ้านเดี่ยวและโครงการอาคารชุดพักอาศัย หรือคอนโดมิเนียม โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ณ เดือนกันยายน 2547 โครงการของบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 10,700 ล้านบาท บริษัทวางแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวอีก 1 โครงการ มูลค่ารวม 950 ล้านบาท คือ โนเบิลทารา งามวงศ์วาน ระยะ 2 ภายในครึ่งแรกของปี 2548 บริษัทยังมีแผนในการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ด้วย โดยจะเปิดโครงการโนเบิลเพล์กราวด์ที่ซอยสุขุมวิท 55 และอีก 1 โครงการที่ซอยสุขุมวิท 36 ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง 2 โครงการจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทประมาณ 5%-10% ของรายได้ทั้งหมดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2546 ค่อนข้างสูงมากเป็นพิเศษซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการจูงใจด้านภาษีอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐและความสำเร็จในการขายโครงการใหม่ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2545-2546 ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 ลดลงอย่างมาก โดยบริษัทมีรายได้ 743 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของรายได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทยังมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 20.6% ในปี 2545 เป็น 22.9% ในปี 2546 แต่ลดลงมาที่ 8.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าโฆษณาที่สูง อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรเพิ่มขึ้นเป็น 25.4% ในปี 2546 จาก 13.0% ในปี 2545 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับ 43.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 โดยเพิ่มจาก 40.7% ในปี 2546
การแข่งขันในตลาดบ้านจัดสรรและตลาดอาคารชุดพักอาศัยในปี 2547 ยังคงรุนแรงจากการกลับเข้าสู่ธุรกิจของผู้ประกอบการหลายราย ในขณะที่อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อความต้องการซื้อบ้านและความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ กฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการวางเงินดาวน์สำหรับบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปและความเข้มงวดในการรายงานการปล่อยเงินกู้ของสถาบันการเงินจะช่วยลดภาวะการเก็งกำไรและลดอุปทานของบ้านในตลาดที่อยู่อาศัย ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--