โบรกเกอร์ชู 4 กลุ่มหุ้นเด่น งาน SET in the City 2004 แนะเก็บ พลังงาน ปิโตรเคมี สื่อสาร การเงิน ส่งท้ายปี

ข่าวทั่วไป Friday November 12, 2004 15:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงงานมหกรรมการลงทุนครบวงจร ครั้งที่ 3 หรือ SET in the City 2004: Shareholders: the Power of Ownership :ไม่เป็นเพียงผู้ถือหุ้น... แต่คุณคือเจ้าของ ซึ่งจัดให้มีขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดี ที่ 11 — วันอาทิตย์ ที่ 14 พฤศจิกายน 2547 ว่า บรรยากาศของงานมีความคึกคัก มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายบุคคล นิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไป
การสัมมนาในหลากหลายหัวข้อก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเข้าชมบูธของโบรกเกอร์ โดยการสัมมนาในห้องบอลรูมในหัวข้อ “ดูหุ้นเด่น เล่นดูจังหวะ” จาก บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) มีผู้เข้ารับฟังจนไม่มีที่ยืน หัวข้อสัมมนาอื่นที่ผู้ชมเข้ารับฟังจำนวนมากได้แก่ “หุ้นเด่นก่อนคริสต์มาส” ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ฟาร์อีสต์ จำกัด ในห้อง มีตติ้งรูม 3
สำหรับการสัมมนาในหัวข้ออื่น เช่น “ตามรอยวิถีเซียน” รวมทั้งการสัมมนาของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมได้แก่ “เศรษฐกิจยุคทักษิณ 2 จุดเปลี่ยนการลงทุน” โดยบลจ.ทหารไทย “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว..ลงทุนแบบมีแต้มต่อ” จากบลจ.วรรณ จำกัด และ การสัมมนา “LTF-RMF แฝดคู่สวย ช่วยประหยัดภาษี” ก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานอย่างมาก
บล.กิมเอ็ง ได้แนะนำ 2 กลุ่มหุ้นเด่นส่งท้ายปี 2547 แก่นักลงทุน โดยเห็นว่า หุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มสื่อสารยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุน โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารที่น่าสนใจ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ ที่มีขนาดใหญ่ มีอัตราเติบโตถึง 17.7% ประกอบกับมีเงินกองทุนจำนวนมาก และยังสามารถจัดการกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ได้ดี
สำหรับหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่น่าสนใจนั้น บล.กิมเอ็ง ระบุว่าได้แก่ ชิน คอร์ปอเรชั่น เพราะมีเงินสดถือครองในมือ ขณะที่หุ้นในกลุ่มอื่นที่น่าลงทุน คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค ได้แก่ โออิชิ ด้านกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แนะนำ ปูนซิเมนต์ไทย ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมีแห่งชาติ และไทยโอเลฟินส์
ทางด้าน บล.ฟาร์อีสต์ ได้แบ่งหุ้นที่น่าสนใจที่จะลงทุนในช่วงก่อนคริสต์มาสออกเป็น 2 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เนื่องจากได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น และได้รับผลดีจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ที่เกิดจากการกักตุนน้ำมัน จากความวิตกว่าน้ำมันจะขาดแคลน ส่งผลให้หุ้นทั้ง 2 กลุ่มมีแนวโน้มที่จะมีผลประกอบที่ดี ทั้งในแง่รายได้และกำไร
อัตราเติบโตกำไรเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานในปีนี้คาดไว้ที่ 45% โดยหุ้นในกลุ่มนี้ที่น่าสนใจลงทุนได้ ปตท. และไทยออยล์ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหุ้นปตท.เป็นหุ้นใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่งในตลาด ในสัดส่วน 10% ของมูลค่าตลาดรวม มีฐานรายได้ระยะยาวหลายด้าน จึงมีความผันผวนของราคาไม่มาก
สำหรับหุ้นไทยออยล์ เป็นโรงกลั่นน้ำมันแบบครบวงจร จึงมีความยืดหยุ่นในการผลิตน้ำมันให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้ นอกจากนี้ยังมี ปตท.เป็นพันธมิตรในการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง จึงเป็นปัจจัยเสริมในการเพิ่มรายได้และสร้างความมั่นคง
ทางด้านหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีนั้น บล.ฟาร์อีสต์ ก็แนะนำให้ลงทุนในหุ้น อะโรเมติกส์ เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รับเงื่อนไขดี ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 1.56 เท่า ในปี 2547 จาก 9.95 เท่าในปี 2544 นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นอีกตามความต้องการวัตถุดิบในธุรกิจสิ่งทอ
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์ก8ร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 /
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037 /
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 - 2049--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ