กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,660 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,657 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.94 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,550 บาท กับ 23,650 บาท และกลับมาปิดที่ 23,550 บาท กับ 23,650 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 4,949 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 10,724 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 52 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2% แบบ 10 บาท ลดลง 1% และ Silver Futures ลดลง 13% GFG13 ปิด 23,690 บาท และ GFJ13 ปิด 23,850บาท GF10G13 ปิดที่ 23,690 บาท GF10J13 ปิดที่ 23,840 บาทSVG12 ปิดที่ 937 บาท
สัญญา Comex ปิดลดลง 3.7 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,652.9 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 42.6 เซ็นต์ ที่ระดับ 30.78 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,328.09 ตัน (ขายออก 1.81 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 56 เซ็นต์/บาร์เรลปิดที่ระดับ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ลดลง 14.05 จุด ปิดที่13,881.93 จุด
ข่าวที่สำคัญ
Kitco, Reuters, Infoquest, MarketWatch, Mining Weekly,
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือ Durable Goods Orders อยู่ที่ระดับ 2.3074 แสนล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 4.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.
หากไม่รวมยอดสั่งซื้อสินค้าภาคการขนส่งที่มีความผันผวน หรือ Core Durable Goods Orders ปรากฏว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนที่แล้ว
สองปัจจัยดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ราคาทองคำเมื่อคืนนี้ลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,651 เหรียญ เนื่องจากตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มพลิกฟื้นขึ้นมาได้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 2% เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2012 เช่นเดียวกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบสี่เดือน ภายหลังการประกาศตัวเลข Durable Goods Orders
นายจอร์จ เจโร จาก RBC Wealth Management ระบุว่า มีแรงเทขายเข้ามาในตลาดทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นวันหมดอายุในสัญญาออพชั่นของทองคำ
อย่างไรก็ตามหลังจากประกาศตัวเลข Pending Home Sales ออกมาแย่กว่าที่คาดลดลงถึง 4.3% ส่งผลให้ราคาทองคำฟื้นตัวกลับขึ้นไปบริเวณ 1,660 เหรียญเช่นเดิม เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่คงเส้นคงวานัก
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เป็นวันแรก และจะมีการแถลงผลการประชุมในคืนพรุ่งนี้เวลาประมาณตีสองสิบห้านาทีตามเวลาประเทศไทย
เฟดประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะมีการทดสอบภาวะวิกฤตสถาบันการเงินขนาดใหญ่ 30 แห่ง โดยจะแถลงผลการทดสอบของธนาคาร 19 แห่งในวันที่ 7 มีนาคม และจะประกาศอีก 11 แห่งในอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง
ฟิทช์ เรทติ้งส์ เผยข้อตกลงขยายเพดานหนี้ชั่วคราวของสหรัฐจะช่วยให้สหรัฐไม่ต้องถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ในระยะใกล้นี้
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา พิจารณาที่จะดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดในการจัดการด้านกฎหมายเพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไป แต่นักกฎหมายของเขาคาดการณ์ว่าน่าจะมีการดำเนินการทางศาลอย่างน้อยที่สุดสองครั้ง หรือมากกว่านั้นเพื่อหารือกันถึงอำนาจของเขาในการแต่งตั้ง เมื่อวุฒิสภาสหรัฐไม่ได้มีการประชุมใดๆ ซึ่งคาดว่าโอบามาจะเลื่อนนัดการประชุมกับทางสหภาพแรงงานระหว่างประเทศ (NLRB) ออกไปจนถึงเดือนมีนาคม
ประธานสมาคมอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียกล่าวเมื่อวานนี้ว่า ในช่วงเดือนมกราคมเป็นไปได้ว่าอินเดียอาจมีการนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้น 33% เนื่องจากเทรดเดอร์รีบเร่งเข้ากักตุนทองคำในช่วงก่อนที่รัฐบาลจะมีการเพิ่มภาษีนำเข้าเพื่อลดยอดขาดดุลในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา
ข้อมูลจากไอเอ็มเอฟระบุว่า ธนาคารกลางรัสเซียและคาซัคสถานเพิ่มการสำรองทองคำในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยรัสเซียเพิ่ม 2.1% สู่ระดับ 957.8 ตัน และรัสเซียเพิ่ม 1.7% สู่ระดับ 115.3 ตัน
เหมืองทองลูน่า โกลด์ของบราซิลคาดว่าจะมีการผลิตทองคำออกมาประมาณ 100,000 ออนซ์ในปี 2013 นี้ และคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ราว 125,000 ออนซ์ในไตรมาสที่ 4
ในขณะที่ธนาคารเพื่อการลงทุนต่างๆ ลดการคาดการณ์เป้าหมายราคาทองคำลงในปีนี้ แบงค์ออฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ยังคงมองทองคำเป้าหมายในระยะ 6 เดือนที่ระดับ 2,000 เหรียญ/ออนซ์ เนื่องจากมองว่าเฟดจะไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้
ทั้งนี้ แบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ระบุในรายงานว่า หากราคาลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมบริเวณ 1,626 เหรียญ อาจส่งผลให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักเข้ามาในตลาดทองคำ เป็นไปได้ว่าราคาอาจปรับตัวลงไปถึง 100 เหรียญ ซึ่งจะมีแนวรับสำคัญในระยะยาวบริเวณ 1,525 — 1,530 เหรียญเมื่อดูจากกราฟรายเดือน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะลงมาทดสอบบริเวณดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ แต่นั่นจะเป็นระดับสำคัญที่จะสนับสนุนแนวโน้มระยะยาวในทิศทางขาขึ้นเนื่องจากมองว่าราคาจะปรับตัวลงก่อน และจะมีแรงเข้าซื้อ
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 1.2% ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นเป็น 1.3%
- Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.8% ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นเป็น 4.6%
- Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 1.6% ตัวเลขจริงออกมาลดลงเป็น -4.3%
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้
- S&P/CS Composite-20 HPI y/y ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 4.3% คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5%
- CB Consumer Confidence ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 65.1 คาดการณ์ว่าจะลดลงเป็น 64.8
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในทิศทางปรับตัวลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข่าวตัวเลขเศรษฐกิจ Core Durable Goods Orders และ Durable Goods Orders ออกมาดีกว่าที่คาดอย่างมาก ทำให้มีแรงเทขายในตลาดทองคำลงไปทำจุดต่ำสุดในตลาด COMEX ประมาณ 1,652 เหรียญโดยประมาณ และมีแรงซื้อกลับที่ทำให้ตลาดแกว่งจากการขาย Pending Home Sales ที่ออกมาแย่ลง อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของข่าวดูเหมือนเศรษฐกิจสหรัฐฯจะดีขึ้นบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นตัวกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง ค่าเงินบาทเองเมื่อวานอ่อนค่าลงอย่างมากจนเริ่มขึ้นไปแตะระดับ 29.99 บาท/ดอลลาร์ในช่วงสาย ก่อนที่ในเช้าวันนี้จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นกลับมาที่ 29.87 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นประมาณ 10 สตางค์ ในขณะที่ราคาทองคำยังทรงตัวบริเวณประมาณ 1,659 เหรียญ ทางเทคนิคยังมองทองคำเป็นทิศทางขาลง และมีโอกาสทดสอบแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,640 เหรียญ ซึ่งจะเป็นแนวรับแรก ส่วนแนวต้านด้านบนจะอยู่ที่บริเวณ 1,670 เหรียญ คำแนะนำยังคงให้เร่งเก็งกำไรในทิศทางขาลง แต่คาดว่าวันนี้จะเคลื่อนตัวไปในกรอบแคบๆ ในทิศทาง Sideways
Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,580 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,750 บาท
Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,740 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,92i0 บาท
Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 920 บาท และแนวต้านที่ระดับ 960 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)
เก็งกำไรในกรอบแคบๆ น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,655 — 1,665 เหรียญ
นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade)
ยังเป็นลักษณะทำกำไรในระยะสั้นบ้าง ถือครอง Position ในลักษณะ Short Position ประมาณ 5 - 10%
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
ยังคงหาจังหวะในการทำ Short Position เท่านั้น คือ Short against Port
สรุปได้ว่า MTS Gold มองว่าราคาน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆ ในทิศทาง Sideways
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง