เอไลฟ์ ชี้เทรนด์ธุรกิจประกันชีวิตปี 56 คึก มองประกันสะสมทรัพย์มาแรง ทางเลือกใหม่ของการออม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 29, 2013 12:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--โปรเฟสชั่นนัล อิมเมจ เมกเกอร์ เอไลฟ์ มองธุรกิจประกันชีวิตปี 56 เติบโตต่อเนื่อง หลังแนวโน้มดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ชี้เทรนด์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ระยะเวลา 5 - 10 ปี มาแรง ชูผลตอบแทนสูง สร้างทางเลือกใหม่ผู้ออมเงิน ขณะที่ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์การออมมากขึ้น-บริษัทประกันชีวิตปรับกลยุทธ์เสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ดร. เมธี จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในปี 2556 ว่ายังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 2555 ที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 17% โดยในปี 2556 คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ 15% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินหลายแห่งต้องปรับลดตาม ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับการฝากเงิน “แนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้น่าจะยังคงเป็นขาลง ผู้ออมส่วนใหญ่ที่ฝากเงินจึงต้องการมองหาช่องทางการออมผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง นอกเหนือจากการฝากเงิน และเป็นการล็อกผลตอบแทนตามระยะเวลาที่ต้องการ อีกทั้งผลตอบแทนก็ไม่ต้องถูกหักภาษี เหมือนกับการฝากเงินกับธนาคารทั่วไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตนับว่ามีความน่าสนใจมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ออมเริ่มมีความรู้ ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น” ดร.เมธี กล่าว สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีความน่าสนใจในปีนี้ จะยังคงเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สะสมทรัพย์ระยะกลาง ถึง ระยะยาว ตั้งแต่ระยะเวลา 5-10 ปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินที่ต้องการผลตอบแทนสูง นอกเหนือจากการฝากเงิน ประกอบกับกลุ่มลูกค้าจะมีกรมธรรม์ที่สิ้นสุดการนำส่งเบี้ยประกันอีกจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์สะสมทรัพย์ดังกล่าวได้อีก ที่จะนำเสนอออกมาตอบโจทย์ทั้งลูกค้าเดิมและใหม่ ทั้งในด้านของอัตราผลตอบแทนที่สามารถแข่งขันได้กับผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่นๆ รวมถึงการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ประกอบกับที่ผ่านมาเอไลฟ์ มุ่งสนับสนุนให้คนไทยใส่ใจเรื่องของการออมเงินเพื่ออนาคตมากขึ้นอีกด้วย “ปัจจัยที่ส่งผลให้ประกันแบบสะสมทรัพย์ยังคงได้รับความน่าสนใจนั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังมีความผันผวน ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการออมผ่านประกันชีวิตมากขึ้นอีกด้วย” ดร. เมธี กล่าว ล่าสุดบริษัทเตรียมนำผลิตภัณฑ์การออมผ่านประกันชีวิตเข้าร่วมงาน โพสต์ทูเดย์ INVESTMENT EXPO 2013 มหกรรมการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ม.ค.- 3 ก.พ. นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมทีมที่ปรึกษาด้านการวางแผนการเงินคอยให้คำแนะนำแก่ผู้ร่วมงานอย่างใกล้ชิด โดยผลิตภัณฑ์ที่เอไลฟ์ จะนำมาร่วมเสนอภายในงานครั้งนี้ ยังคงเน้น ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วย STRIKE3 กรมธรรม์ออมทรัพย์รูปแบบใหม่ที่จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว คุ้มครอง 3 ปี ให้ผลตอบแทนสูงคงที่ 4% ต่อปี ทุนประกันเริ่มต้นที่ 200,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืน 4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ปีที่1 ถึง ปีที่ 2 และรับเงินคืน 104% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ปีที่ 3 คิดเป็นผลตอบแทน (IRR) 4% ผลตอบแทนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย STRIKE5 กรมธรรม์ออมทรัพย์รูปแบบใหม่ที่จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว คุ้มครองยาวถึง 5 ปี ให้ผลตอบแทนสูงคงที่ 5% ต่อปี ทุนประกันเริ่มต้นที่ 200,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืน 5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ปีที่1 ถึง ปีที่ 4 และรับเงินคืน 105% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ปีที่ 5 คิดเป็นผลตอบแทน (IRR) 5% ผลตอบแทนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย และ STRIKE10 ประกันออมทรัพย์ระยะยาว แบบจ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว เบี้ยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการวางแผนภาษีในปีนี้) ทุนประกันเริ่มต้น 50,000 บาทผลตอบแทนนานถึง 10 ปี คงที่ปีละ 5% ไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย พร้อมรับความคุ้มครองสูงถึง 110% ของทุนประกันตลอดอายุสัญญา “ผลิตภัณฑ์ที่นำมาร่วมงานในครั้งนี้ นับเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยตอบโจทย์ทางการเงินให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งการออมระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่ช่วยตอบสนองความต้องการด้านการวางแผนการเงินในจังหวะเวลาที่เหมาะสมในภาวะทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ในการสร้างช่องการการเลือกผลิตภัณฑ์การออมในรูปแบบต่างๆ ให้กลุ่มเป้าหมายได้มีการกระจายการออมได้มากขึ้น” ดร. เมธี กล่าว สำหรับผู้สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ A-Life (เอไลฟ์) จากทีมที่ปรึกษาทางการเงิน/ Wealth Assistant โทร 02-648-3333 หรือ alifeplan@alife.co.th
แท็ก ประกัน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ