กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--
วงเสวนางานประชุมวิชาการในหัวข้อ “การพนันรอบบ้าน ล้อมเมือง” ระบุตำรวจและกฎหมายไม่ใช้ทางออกของการแก้ปัญหาการพนัน แฉ สีกากีเอื้อให้เปิดบ่อนด้วยเก็บส่วยรายวัน ตั้งแต่ชั้นประทวนยันผู้กำกับ ด้านตัวแทน พม.ย้ำแก้ปัญหาต้องเริ่มด้วยการปลูกฝังศีลธรรมพร้อมเผยตัวเลขวงเงินสะพัดในธุรกิตพนันอื้อ หวยใต้ดินมาวินทำรายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ด้านกระทรวงเตรียมสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังตามวัดและโรงเรียน
วันที่ 29 มกราคม ที่ห้องประชุมบอลรูมชั้น 3 โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน โครงการขับเคลื่อนสังคมและนโยบายสาธารณะเพื่อลดปัญหาการพนัน มูลนิธิสดศรี สฤษดิ์วงศ์ และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับจัดประชุมวิชาการในหัวข้อ “การพนันรอบบ้าน ล้อมเมือง” กับการจัดระเบียบการพนันในสังคมไทย โดยช่วงหนึ่งมีเวทีเสวนาในหัวข้อ “สังคมไทยควรเห็นและทำอย่างไรกับการพนัน”
น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ของการเข้าถึงการพนันเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้เรามีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือที่เข้าถึงตัวของเด็กได้ตลอดเวลา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เยาวชนเข้าถึงเรื่องการพนันได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นในอนาคตหากไม่มีการจำกัด หรือดูแล คงจะมีการพนันรูปแบบใหม่เพิ่มและพัฒนาไปในรูปแบบอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้การพนันเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหาย เด็ก แวนซ์ สก๊อยก็ พนันกัน เพื่อความต้องการทางเพศ ซึ่งส่งผลต่อความเสียหาย ซึ่งสังคมไทยชอบอ้างว่าการพนันเกิดขึ้นมานานแล้ว ตนคิดว่าคำกล่าวนี้คงไม่สามารถอ้างได้ เพราะมันเป็นเพียงแค่ความคุ้นชินของคนในสังคมไทยเท่านั้น
ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมกล่าว ตนยังยืนยันในความเชื่อเดิมว่าการพนันมีไม่ได้เพราะขัดต่อหลักการดำเนินชีวิต มีแต่ทำให้เกิดความสูญเสีย หรือเลวร้ายอาจเสียถึงขั้นการสูญเสียประเทศชาติ การพนันที่บอกว่าไม่ได้ทำให้ครอบครัวเสียหาย ไม่จริง เราต้องมองตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราควรเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กเพื่อลดความเสี่ยงและออกจากวังวนการพนัน ในอดีตเรามองเรื่องการพนันอย่างไร้ทิศทาง เล่นได้ เช่น เล่นกบดำกบแดง เล่นเพื่อความสะดวก อยู่โดยระบบพี่น้อง อุปถัมภ์ แต่ปัจจุบันการพนันเริ่มมีทิศทางมากขึ้น มีการพูดคุยเพื่อหาทางออก ทั้งมิติของกฎหมาย มิติการใช้ชีวิต มิติเด็ก มิติเรื่องการศึกษา เป็นต้น และจากวันนี้ก็จะนำไปสู่การพัฒนาและแก้ปัญหาในอนาคต โดยพวกเราทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือกัน
“ในการแก้ไขปัญหาการพนันนั้น เราจะต้องมอเห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จะทำให้เราแก้ไขปัญหาได้ ที่สำคัญเราจะต้องมีแมสเสจที่จะส่งตรงถึงประชาชนว่าการพนันนั้นทำให้เขาเสียหายได้อย่างไร และมันไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่มาของเขาอย่างไร พร้อมกันนี้เราจะต้องรณรงค์และสร้างค่านิยมในการเลิกเล่นพนันให้เป็นจริงให้ได้ กระทรวงวัฒนธรรมเราจะเพิ่มพื้นที่และกิจกรรมสร้างสรรค์ พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกันการพนันร่วมกัน ร่วมกันสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังตามพื้นที่ต่างๆ เช่น บ้าน วัด และโรงเรียนด้วย” น.ส.ลัดดากล่าว
นายณัชพล เกิดเกษม ตัวแทนสมัชชาองค์กรชุมชน กทม. กล่าวว่า การพนันถูกโยงเอามาเกี่ยวข้องในทุกเรื่อง ประเด็นเรื่องการพนันเป็นประเด็นร้อนในสังคม เป็นเรื่องใหญ่ของชุมชน บางชุมชนถึงขั้นออกกฎกติกากันเองได้ นี่เป็นการจัดการตัวเองของชุมชนในเรื่องของการพนันในสังคมเขา ซึ่งปัญหาเรื่องการพนันจะต้องตั้งคำถามว่าชุมชนตระหนักถึงเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้าชุมชนมีความเข้มแข็งและตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาก็จะมีการจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจะมีการออกกฎกติกากันเอง ทำให้การพนันแก้ได้โดยชุมชน และแก้ได้โดยกลุ่มคนที่คิดว่าการพนันเป็นประเด็น เพราะถ้าหากให้ตำรวจมาแก้ ปัญหาก็จะเป็นเหมือนเดิมอยู่เช่นนี้ ตำรวจไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาการพนัน ซึ่งในชุมชนของกรุงเทพฯ ตำรวจจะสามารถขึ้นตำแหน่งเป็นสารวัตร ผู้กำกับได้ หรือจะได้ดีหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่าคนๆนั้นอยู่ในพื้นที่ไหน เพราะฉะนั้นตำรวจจึงอยากให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีอบายมุขมากๆ ซึ่งเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ตนอยู่ในเขตลาดกระบัง เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ เพราะผู้กำกับย้ายเข้ามาในพื้นที่จะไม่รู้เลยว่าที่ไหนสามารถเก็บส่วยได้บ้าง แต่คนที่รู้คือระดับชั้นประทวน เพราะชั้นประทวนจะไม่มีคำสั่งย้ายและเป็นแขนขาในการเก็บส่วย และก็มีการยักยอกส่วยไปตามลำดับชั้น และหากผู้กำกับคนไหนมาและไม่สามารถเข้ากับลูกน้องทั้งหมดก็จะสั่งจับทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะเรียกเข้ามาเคลียร์ โดยการทำงานของตำรวจจะแบ่งออกเป็นสาย สายสืบสวนจะถนัดเรื่องบ่อน สายปราบปรามจะว่าด้วยเรื่องของร้านคาราโอเกะ ร้านเกม และทุกอย่างจะถูกส่งให้นาย มีการสั่งการที่เป็นระบบระเบียบมากกว่าระบบราชการด้วยซ้ำไป ทั้งนี้ถ้าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อน ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่มีเงินแล้วก็จ่ายตำรวจเท่านั้นเอง และถ้าอยากเป็นเจ้ามือหวย และบอกกับผู้กำกับว่าสายของเรามีธุรกิจอะไรบ้าง ก็สามารถจ่ายแบบเหมาจ่ายได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย
ตัวแทนสมัชชาองค์กรชุมชน กทม. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการพนัน เด็กจะพูดความจริง ถ้าพ่อแม่ไปเล่นการพนันมา และเมื่อเสียการพนัน อารมณ์ก็จะมาลงที่ลูก ดังนั้นหากครอบครัวไหนเล่นการพนันก็ไม่เคยพูดดีกับลูกหรือคนในครอบครัว ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีในครอบครัว และปลูกฝังให้เด็กก้าวร้าว ทุกหมู่บ้านในกรุงเทพๆ แทบจะไม่มีชุมชนไหนเลยที่ปลอดการพนัน โดยเฉพาะแม่บ้านจะเล่นการพนันเก่งมากกว่าผู้ชาย เพราะมีเวลาว่างจากการทำงานบ้านเยอะ และต้องการผ่อนคลายด้วยการเล่นการพนัน ตนคิดว่าหากเป็นการพนันที่ไม่ส่งผลกระทบมาก และชาวบ้านก็รู้สึกผ่อนคลายที่ได้เล่น ก็พออนุโลมกันได้ แต่ถ้าหากการพนันใดมีผลกระทบต่อครอบครัวโดยตรง ควรมีการจัดการ แต่ก่อนที่จะจัดการปัญหาเหล่านี้ เราจะต้องเริ่มจากการรื้อและจัดการระบบตำรวจก่อน และในส่วนของชุมชนนั้นก็สามารถจัดการกับปัญหาการพนันได้ คือสอนให้เด็กเรียนรู้ และทำให้เป็นผลกระทบของการเล่นการพนัน นอกจากนี้คือต้องสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมในเด็ก เช่นสร้างโครงการต่างๆ เพื่อให้เด็กห่างไกลจากการพนัน
นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ตามหลักพรบ.การพนัน ประเทศไทยไม่มีบ่อน ซึ่งหากบริเวณไหนมีบ่อนเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย โดยผลการศึกษา เมื่อปี พ.ศ.2553 ระบุว่า จากจำนวนพลเมือง 60 ล้านคน ประเทศไทยมีคนเล่นการพนัน 32 ล้านคน ผู้หญิงเล่นการพนันมากกว่าชาย ชนบทเล่นการพนันมากกว่าเมือง ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งเวทีแรกของการเข้าสู่การพนันคือ หวยใต้ดิน ซึ่งหวยใต้ดินมีวงจรของการเล่นการพนัน ใน 1 ปี มีเงินสะพัดมากว่า 1 แสนล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับสลากกินแบ่งรัฐบาลมีเงินสะพัด 6 หมื่นล้านบาท ส่วนการพนันฟุตบอลมีเงินสะพัน 3 หมื่น 8พันล้านบาท นอกจากนี้มีอีกประเภทที่คนไทยไม่เคยคิดว่าเป็นการพนัน แต่ความจริงเป็นการพนันร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือการชกมวย ซึ่งมีเงินสะพัดกว่า 3 หมื่นล้านบาทเช่นกัน และเมื่อรวมกันทุกยอดเม็ดเงินที่หมุนเวียนในวงการพนัน เท่ากับวงเงินงบประมาณประเทศครึ่งปี โดยทางออกของการแก้ปัญหาการพนันนั้น เราจะต้องไม่ติดกับดักว่าบ่อนนั้นถูกหรือผิดกฎหมาย การพนันแก้ไม่ได้ด้วยกฎหมายจริงๆ การพนันต้องแก้ที่คน คือทำอย่างไรไม่ให้คนเข้าไปเล่น ถ้าหากมีบ่อนมากทำอย่างไรคนถึงจะไม่อยากเล่น ซึ่งคนที่เข้าไปเล่นการพนันมีสาเหตุ 2 ข้อ คือ เล่นเพื่อความสนุก หาเพื่อน และเหตุผลหลักคือเล่นเพราะอยากรวย ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาเรื่องการพนัน จะต้องแก้ด้วยวิถีธรรม คือปลูกฝังคนให้ไม่โลภ การพนันจะต้องแก้ด้วยวิถีที่ไม่ใช่การพนัน
สิ่งที่อันตรายสุดของการพนัน คือการพนันออนไลน์ เพราะเด็กเพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ มีอินเตอร์เน็ต ก็สามารถแทงบอลและเล่นการพนันได้ทันที อย่างไรก็ตามควรให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ รวมทั้งทุกคนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบและช่วยกันเปลี่ยนทัศนคติในสังคมด้วย
นายวันชัย บุญประชา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า ทุกวันนี้การพนันกระจายไปในทุกพ้นที่ของประเทศไทย ล่าสุดตนเจอเครือข่ายคนทำงานที่คลองเตยระบุว่า มีการเล่นหวยปิงปองวันละ 5 รอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมากกว่าหวยที่ 16 วันออกครั้งหนึ่ง และเข้าถึงง่ายกว่าหวยออนไลน์เพราะเป็นวิถีของชุมชน ซึ่งการเล่นไม่ต้องใช้กลุ่มใหญ่มาก และมีหลายกลุ่ม ซึ่งปัญหาการพนันเริ่มมีมิติที่กระจายตัว มีมิติที่หลากหลาย โดยผู้มีอำนาจจะคิดว่าจะเข้าไปจัดระเบียบ ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เรื่องพนันไม่เหมือนเรื่องของการค้าประเวณี ยกตัวอย่างเมื่อสิบกว่าปี เรามีการพูดถึงปัญหาการค้าประเวณีที่มีจำนวนมากถึงล้านๆ คน จนมีการพูดว่าจะต้องมีการขึ้นทะเบียนโสเภณี ให้เป็นการค้าประเวณีที่ถูกกฎหมาย ซึ่งกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็เชื่อว่าหากทำให้การค้าประเวณีถูกกฎหมาย หญิงขายบริการก็จะได้รับสิทธิ ได้รับการดูแล แต่คนอีกกลุ่มก็ออกมาบอกว่าเราจะยอมรับการค้าประเวณีเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสังคมไทยได้หรือไม่ เราจะยอมให้สังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมพุทธศาสนา ยอมรับให้เกิดในประเทศไทยหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้น จากนั้น 4 ปีให้หลังหญิงที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณีก็หายไป แต่แปรเปลี่ยนเป็นความเต็มใจในการค้าประเวณีเอง ทั้งนี้เราไม่ต้องจัดระเบียบ แต่ในสังคมจะเข้าใจเองว่าจะยอมรับเรื่องไหนได้ และยอมรับไม่ได้ ซึ่งเรื่องการพนันก็เช่นกัน อย่างไรก็ตามข้ออ้างของการมีหวยออนไลน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ที่ให้มีหวยบนดินสองตัว สามตัว โดยมีข้ออ้างเอาหวยใต้ดินขึ้นมาบนดิน ก็จะลดจำนวนการเล่นหวยใต้ดิน แต่พอเอาเข้าจริงหวยใต้ดินก็ไม่ได้ลดจำนวนลง แถมยังมีวิธีการเล่นการพนันใต้ดินในอีกหลายรูปแบบ
ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า ทั้งนี้ถ้าเราทำเรื่องการพนันให้ถูกกฎหมาย วิถีความคิดในสังคมไทยก็จะมองข้ามในเรื่องของการพนันไป และถ้ากฎหมายไม่ใช่ทางออกสำหรับการแก้ปัญหา แต่วิถีชุมชนจะเป็นทางออกของการแก้ปัญหาการพนันได้ โดยวัด ศาสนสถานจะต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ซึ่งสถานที่ที่เราคิดว่าจะพึ่งพาได้จะต้องเป็นสถานที่ตัวอย่างที่ปลอดการพนัน เพราะปัจจุบันแม้แต่ในวัดยังมีสลากกินแบ่งขาย รวมทั้งโรงเรียนที่เป็นที่บ่มเพาะพฤติกรรมเด็กก็ต้องไม่มีการพนัน ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก อย่างไรก็ตามเราเข้าใจว่าไม่สามารถทำให้เรื่องนี้ขาวทั้งหมด แต่หากมีการเริ่มต้นที่ดีก็เชื่อว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะที่ผ่านมาเราปล่อยและละเลย และคิดว่าเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับ ดังนั้นการเริ่มต้นไม่ได้หมายความว่าต้องจัดระเบียบกฎหมาย ขอแค่เพียงจัดพื้นที่ดี เป็นพื้นที่ตัวอย่างโดยเริ่มจากวัด โรงเรียน และปิดท้ายด้วยการแก้ที่บ้านเพราะแก้ไขได้ยากที่สุด