กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมฉลองความสำเร็จในการระดมทุนและการเข้าซื้อกิจการบริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด ผู้ผลิตเป็ดสดแช่แข็งและแปรรูปเป็ดแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คืนจากกองทุน เนวิส แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ (ประเทศไทย) และราโบ แคปปิตอล บี.วี. ด้วยมูลค่ากว่า 5,700 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อคืนจากนักลงทุนต่างชาติส่งผลให้บริษัทกลับคืนมาอยู่ในอำนาจการบริหารของคนไทย
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าธนาคารมีโอกาสเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการเข้าซื้อกิจการและการระดมทุนจากกลุ่มนักลงทุนและกองทุนที่ให้การสนับสนุนรวมถึงจัดหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน เพื่อเข้าซื้อกิจการในลักษณะ Management Buyout (MBO) โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้มีการระดมเงินทุนจากกลุ่มผู้บริหารและกองทุนส่วนหนึ่ง ในขณะที่เงินทุนหลักในการเข้าซื้อกิจการมาจากวงเงินกู้ซึ่งมีธนาคารไทยพาณิชย์และ ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ให้เงินกู้มูลค่ารวมกันกว่า 4,100 ล้านบาทเพื่อเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
จากความเชี่ยวชาญของธนาคารในการเป็นที่ปรึกษาในการเข้าซื้อกิจการในรูปแบบ LBO/MBO และจากความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทบางกอกแรนช์เองที่เป็นเป็นผู้นำในธุรกิจเป็ดครบวงจร มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในเมืองไทย และถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งที่ผ่านมามียอดขายเติบโตและมีอัตรากำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดสูง
นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช รองประธานกรรมการ และกรรมบริหารภาคพื้นเอเชีย และเอเชียแปซิฟิค บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด เปิดเผยว่า “ธนาคารดูแลตั้งแต่เริ่มกระบวนการไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมประเภทไหน รวมถึงการมองหาโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัท พร้อมทั้งให้คำแนะนำทางด้านธุรกิจมากกว่าเสนอขายผลิตภัณฑ์ ซึ่งการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มาเป็นที่ปรึกษาในการเข้าซื้อกิจการและการระดมทุนจากกลุ่มนักลงทุนและกองทุน และจัดหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มโอกาสของบริษัทด้านการเติบโตของตลาดส่งออกในประเทศญี่ปุ่น และประเทศในแถบยุโรป โดยน่าจะได้รับอานิสงส์จากการยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อเป็ดสดของ EU และภาวะเศรษฐกิจของ EU ที่น่าจะเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในระยะต่อไป รวมทั้งความเป็นไปได้สูงที่ญี่ปุ่นอาจจะประกาศยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อเป็ดสดจากไทย โดยปริมาณการส่งออกไปญี่ปุ่นเคยสูงถึงประมาณ 12,000 ตันในช่วงก่อนเกิดไข้หวัดนก เนื่องจากเนื้อเป็ดจากประเทศไทยเป็นที่นิยมด้วยคุณภาพ และรสชาติ ดังนั้นบริษัท บางกอกแร้นช์ ในฐานะผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายใหญ่ของประเทศไทยจึงมีโอกาสจะไปเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของเนื้อเป็ดในประเทศญี่ปุ่น จากปริมาณการส่งออกเนื้อเป็ดไปตลาดโลกทั้งหมดในปัจจุบันที่ 8,000 ตัน ซึ่งปริมาณการส่งออกนี้ยังต่ำกว่าในปี 2003 ช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนก ที่ไทยเคยมีปริมาณการส่งออกเนื้อเป็ดไปยังตลาดโลกมากถึงราว 18,000 ตัน ”
บางกอกแร้นช์ เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจเป็ดแบบครบวงจรรายใหญ่ในประเทศไทย ที่สามารถวางแผนในการผลิต กำหนดราคามาตรฐาน และจัดการความเสี่ยงเรื่องผลผลิตล้นตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลังจากการเข้าซื้อคืนกิจการครั้งนี้ บริษัทวางแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยปัจจุบันมียอดขายปีละกว่า 7,000 ล้านบาท