กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--บีโอไอ
บีโอไอรายงานผลสำรวจความต้องการแรงงานของบริษัทที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน กว่า 2,000 โครงการในปี 2555 พบว่ามีความต้องการแรงงานจำนวนรวมกว่า 250,000 คน กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภคต้องการแรงงานมากที่สุด ตามด้วยกลุ่มยานยนต์ เครื่องจักร และโลหะ โดยเฉพาะแรงงานฝีมือ ช่างเทคนิค และวิศวกรระดับปริญญาตรี บีโอไอเตรียมจับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาบุคลากรป้อนภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย
นางวาสนา มุทุตานนท์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงผลการรวบรวมข้อมูลความต้องการแรงงานของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนใน ปี 2555 (มกราคม-ธันวาคม) พบว่า มีโครงการที่แจ้งความประสงค์ต้องการแรงงานเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ รวมถึงการขยายการลงทุนในโครงการต่างๆรวม 2,131 โครงการ โดยมีความต้องการแรงงานรวม 254,569 คน แบ่งเป็น กลุ่มผู้ใช้แรงงานทั่วไป (ป.6-ม.6) จำนวน 156,877 คน ช่างเทคนิค (ปวช.-ปวส.) จำนวน 48,705 คน และระดับปริญญาตรีขึ้นไป จำนวน 34,220 คน
โดยปริมาณความต้องการแรงงานดังกล่าวมีจำนวนใกล้เคียงกับปริมาณความต้องการในปี 2554 ซึ่งมีโครงการแจ้งความต้องการแรงงานจำนวน 1,828 โครงการ และมีปริมาณความต้องการแรงงานรวม 302,115 คน แรงงานที่ต้องการมากอยู่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานทั่วไป (ป.6-ม.6) 204,008 คน ช่างเทคนิค 45,889 คน และปริญญาตรี 36,337 คน
ทั้งนี้ในปี 2555 อุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูงสุดอยู่ในอุตสาหกรรมบริการ และสาธารณูปโภค รองมาเป็นผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าตามลำดับ โดยช่างเทคนิค เป็นกลุ่มที่ความต้องการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2554 อาทิ ช่างกลโรงงาน ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างไฟฟ้าเครื่องกล ช่างเชื่อมโลหะในขณะที่ระดับการศึกษาปริญญาตรี กลุ่มที่มีความต้องการมากคือ วิศวกรในสาขา เครื่องกล อุตสาหการ ไฟฟ้า รองมาเป็นสายบริหารธุรกิจ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
นางวาสนากล่าวเพิ่มเติมว่า บีโอไอตระหนักดีถึงปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือ ช่างเทคนิค และวิศวกร ดังนั้น ทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอนาคตจึงไม่มุ่งเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นอีกต่อไป แต่จะมุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมฐานความรู้ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอ จะได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการทำงานเชิงลึก เพื่อพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศต่อไป