กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--Professional Healthcare
แพทย์เตือนช่วงเข้าหน้าหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงมกราคมปีหน้า ความชื้นจากอากาศเย็นในช่วงนี้ทำให้เชื้อโรคต่างๆ สามารถแพร่ระบาดติดต่อกันได้ง่าย โดยเฉพาะไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งเชื้อไข้หวัดนกที่ยังคงมีอยู่ และเป็นไปได้ว่าเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 ที่เคยระบาดหนักในเกาะฮ่องกงเมื่อปี 2540 จะกลับมาคร่าชีวิตผู้คนอีกซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นเชื้อที่รุนแรงมาก สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตภายใน 16 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันได้โดยดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและในรายที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบไว้ก่อนได้เพื่อแยกอาการจากไข้หวัดนก
รศ.นพ.พีรพันธ์ เจริญชาศรี หัวหน้าสาขาโรคจมูกและภูมิแพ้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เปิดเผยว่า โดยปกติการติดเชื้อไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งไข้หวัดนก ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ การรักษาจะเป็นไปตามอาการของผู้ป่วยและป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนเท่านั้น แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อไปกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งเป็นวัคซีนที่ทำจากเชื้อที่ตายแล้วโดยฉีดที่แขนปีละครั้ง หลังฉีด 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจึงจะสูงพอป้องกันการติดเชื้อ นับเป็นวิธีที่ป้องกันที่ได้ผลมากที่สุด สามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดโรคแทรกซ้อนและลดการหยุดงาน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือเดือนตุลาคมจนถึงธันวาคม
ส่วนสาเหตุที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไว้ทุกปีเพราะเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดังนั้นการผลิตวัคซีนจึงมีการเปลี่ยนแปลงทุกปีเพื่อให้ครอบคลุมเชื้อที่เป็นสาเหตุ และภูมิคุ้มกันที่เกิดจะเกิดเฉพาะเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเท่านั้น รวมทั้งหลังฉีด 2 สัปดาห์จึงเกิดภูมิต้านทานโรคและอยู่ได้1ปี ดังนั้นหากได้เชื้อตัวเดิมก็สามารถป่วยเป็นโรคได้ นอกจากนี้ยังสามารถฉีดซ้ำได้ เนื่องจากเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว
สำหรับคนที่ควรไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ประชาชนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป, คนที่อายุ 2-49 ปีที่มีโรคประจำตัวหรือมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่, เด็กที่อายุ 6-23 เดือนควรจะฉีดทุกรายโดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย, ผู้ที่อาศัยในสถานพักฟื้น สถานสงเคราะห์คนชรา, ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด โรคตับ โรคเลือด โรคหอบหืด, ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น โรคเอดส์, ผู้ป่วยที่ได้รับยาsteroid ผู้ป่วยรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด, เด็ก 6 เดือน-18 ปีที่ได้รับยาแอสไพรินในการรักษาโรคอื่นเป็นระยะเวลานาน, หญิงตั้งครรภ์ 3 เดือนขึ้นไปในขณะที่มีการระบาดของโรค รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์และมีโรคประจำตัวให้ฉีดวัคซีนโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีโรคระบาด ตลอดจนคนที่ให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้โดยไม่เป็นผลเสีย, เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ต้องสัมผัสโรค หรือเจ้าหน้าที่บริการสังคม ,นักท่องเที่ยว และนักเรียนหรือนักศึกษาเพื่อป้องกันการระบาด
ทั้งนี้ อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ กรณีที่ไม่มีโรคแทรกซ้อน เชื้อโรคจะมีระยะฟักตัว 1-4 วัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างฉับพลัน รู้สึกเบื่ออาหารและคลื่นไส้ อาการอาเจียน หรือท้องเดิน ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และปวดตามแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบตา ไข้สูง 39-40 c ตามตัวจะร้อนแดง ตาแดง เจ็บคอและคอแดงมีน้ำมูกใสไหล ร่วมกับไอแห้งๆ เป็นไข้ 2-4 วันแล้วค่อยๆ ลดลง แต่อาการคัดจมูกและแสบคอยังคงอยู่ โดยทั่วไปจะหายใน 1 สัปดาห์--จบ--