กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--IR PLUS
บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 5 บาท/หุ้น ด้าน KGI ในฐานะที่ปรึกษาฯและ ลีด อันเดอร์ไรท์ เตรียมจูงมือ 4 อันเดอร์ไรท์ บล. คันทรี่ กรุ๊ป บล. โนมูระ พัฒนสิน บล. ฟินันเซีย ไซรัส และบล. ฟิลลิป เตรียมเปิดให้ประชาชนจองซื้อ 4-6 กุมภาพันธ์ หลังได้รับเสียงตอบรับคับคั่งจากนักลงทุนสถาบันโดยมียอดจองล้นกว่า 19 เท่า เหตุธุรกิจมีพื้นฐานดีและแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แถมเป็นธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทนที่มีทิศทางขยายตัวชัดเจนในปีนี้และมีรายได้มั่นคงในระยะยาว
นายสุรเดช บุณยวัฒน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมระดับแนวหน้าของประเทศไทย ในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 82.5 ล้านหุ้น ให้กับประชาชนแล้ว โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 5 บาท/หุ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter)หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกด้วย พร้อมกับบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 แห่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Co Underwriter) ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งหลังจากนี้จะเปิดเสนอขายหุ้น IPO ของ บริษัทฯ ให้กับประชาชน ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2556และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ประมาณวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “PPP”
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนจดทะเบียน ชำระแล้วจำนวน 217.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 217.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ส่วนที่เหลือ 82.50 ล้านหุ้น ได้เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะนำมาลงทุนเพิ่มในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตในอนาคต
“มั่นใจว่าหุ้น IPO ของ PPP จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประการสำคัญเป็นบริษัทฯ ที่มีทั้งธุรกิจที่จะสร้าง การเติบโตอย่างโดดเด่น และธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง อยู่ในบริษัทฯ เดียวกัน ซึ่งจะทำให้ พรีเมียร์ โพรดักส์ เป็นบริษัทฯ ที่มีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนต่อเนื่องและโดดเด่น ในเวลาเดียวกัน” นายสุรเดชกล่าว
สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 993.51 ล้านบาท เทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 ที่มีรายได้ 640.46 ล้านบาท และเทียบกับรายได้ 916.14 ล้านบาทในปี 2554 ทำให้คาดว่า ในปี 2555 รายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเพียง 9 เดือนแรกของปีบริษัทฯ สามารถทำรายได้สูงกว่าปี 2554 ทั้งปีแล้ว
ด้านนางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน PPP กล่าวว่า มั่นใจว่าหุ้น IPO ของ PPP จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯและธุรกิจที่มีการเติบโตในอัตราที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้จะมีรายได้เติบโตอย่างชัดเจนจากทั้งธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน และการเก็บเกี่ยวรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ทั้ง 3 แห่ง ดังนั้นผลประกอบการจึงมีทิศทางการเติบโตอย่างโดดเด่นและมั่นคงซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับการลงทุน
สำหรับราคาเสนอขายหุ้น PPP ที่ 5 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เกิดจากการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบันชั้นนำในประเทศ (Book Building) ซึ่งมีความต้องการจองซื้อล้นกว่า 19 เท่า ราคาที่ได้ถือว่าเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและอัตราการเติบโตของบริษัทฯ และมีส่วนลดให้กับนักลงทุนในระดับที่ดี โดยคาดว่าความต้องการส่วนเกินจากยอดความต้องการซื้อดังกล่าวจะเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯเพิ่มขึ้นภายหลังจากที่หุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ข้อมูลบริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน)
บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ดำเนินธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก โดยมี 2 ธุรกิจดำเนินการ ภายใต้บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ด้านระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำ และกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรม ในขณะที่อีก 2 กลุ่มธุรกิจจะดำเนินการโดยบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โฮมแอพพลายแอนซ์ จำกัด (PHA) และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดำเนินการโดย บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด (IGC) ซึ่งธุรกิจทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทนซึ่งถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่อยู่ในความสนใจของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ธุรกิจจึงมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันธุรกิจระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำของบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในตลาดที่ใช้ในอาคาร โดยบริษัทฯ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในอาคารขนาดใหญ่ชั้นนำมากมายอาทิ ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ธนาคารแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร และอาคารที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่
ในขณะที่ในธุรกิจผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรม ปัจจุบันถือเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ ที่ผลิตจากซีเมนต์เสริมใยแก้ว และผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสเสริมแรง โดยได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสถาปนิกในวงกว้าง ไว้วางใจใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯในโครงการสำคัญมากมายหลายโครงการไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ผลิตจากซีเมนต์เสริมใยแก้ว (Glass Reinforced Cement: GRC) ได้แก่ การทำผนังกันเสียงให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีแดง ทางยกระดับสะพานพระราม 8 ทางยกระดับสะพานกรุงเทพ และผลิตภัณฑ์หลังคาและผนังเหล็กขึ้นรูป ซึ่งใช้ติดตั้งหลังคาของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อาคารคลังเก็บสินค้าของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในธุรกิจและการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการเป็นอย่างดี
ด้านธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด (IGC) มีทั้งหมด 3 โครงการ ซึ่งมีขนาดโครงการละ 5 MW รวม 15 MW ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยโครงการแรกได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และ PPP เริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่ 2 และ 3 เพิ่มเติมได้ภายในต้นไตรมาส 2 ปี 2556 โดยจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทประหยัดพลังงาน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด (PHA) ในอนาคตมีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กำลังมาแรงทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนั้น บริษัทฯยังสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งของ PHA โดยนำสินค้าประเภทประหยัดพลังงานอื่นๆ เช่น หลอดไฟฟ้าประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ตามบ้าน (Solar Roof Top) เข้ามาจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าพันธมิตรที่มีอยู่ประมาณ 500 แห่งทั่วประเทศได้อีกด้วย และในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตก้าวอย่างกระโดดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ทั้งกลุ่มธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน
สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 993.51 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมร้อยละ 50 กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมร้อยละ 31.07 กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ร้อยละ 3.75 กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานร้อยละ 14.30 และรายได้อื่นๆ ร้อยละ 0.88 เทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 ที่มีรายได้ 640.46 ล้านบาท และรายได้ 916.14 ล้านบาทในปี 2554 โดยในปี 2555 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเพียง 9 เดือนแรกของปีบริษัทฯ สามารถทำรายได้สูงกว่าปี 2554 ทั้งปีแล้ว
ทั้งนี้ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ1 บาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 217.50 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือ 82.50 ล้านหุ้น ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะนำมาลงทุนเพิ่มในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตในอนาคต
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PLUS
คุณสารภี สายะเวส (จูน)
โทร. 02-541-4011 ต่อ 613
email : sarapee@irplus.in.th
www.irplus.in.th