กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
กรมสรรพากรเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน ซึ่งหลักเกณฑ์เดิมให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานและได้รับเงินได้หรือผลประโยชน์ใด ๆ เพราะการตาย ทุพพลภาพ หรือเกษียณอายุตามข้อบังคับของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น ๆ โดยการยกเว้นภาษีตามหลักเกณฑ์ใหม่นี้ไม่ต้องอิงการเกษียณอายุอีกต่อไป หากออกจากงานเมื่อมีอายุอย่างน้อย 55 ปี ก็จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้หรือผลประโยชน์นั้นทันที และแม้ว่าลูกจ้างจะออกจากงานก่อนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ก็ยังมีสิทธิได้รับการยกเว้นภาษีได้ หากรอรับเงินหรือผลประโยชน์ทั้งหมดจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อตาย ทุพพลภาพ หรืออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกกองทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีต่อเนื่อง
ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “มาตรการภาษีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะยาวให้แก่สมาชิก เมื่อสมาชิกกองทุนเกษียณอายุหรือออกจากงานตามเงื่อนไขที่กำหนดก็จะได้รับเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ จากกองทุนโดยไม่ต้องเสียภาษี ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าว ยังส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางภาษีระหว่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการด้วย”
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ข้อ 2(36) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 223) ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ RD Call Center หมายเลข ๑๑๖๑