กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--นิด้าโพล
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “เหตุผลของคนกรุงฯ ในการเลือก ผู้ว่าฯ กทม.” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23 — 29 มกราคม 2556 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และ มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทั้ง 50 เขต จำนวน 1,503 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพ
จากการสำรวจ เหตุผลที่ คน กทม. ตัดสินใจเลือกผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. เรียงตามลำดับหมายเลข สามารถสรุปได้ ดังนี้
หมายเลข 6 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง คน กทม. ร้อยละ 50.00 ระบุว่ามีนโยบายที่ดี นโยบายน่าสนใจ และเป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค ในสัดส่วนที่เท่ากัน
หมายเลข 9 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ คน กทม. ร้อยละ 43.60 ระบุว่าชอบที่ตัวบุคคล ทำงานเก่ง มีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ รองลงมา ร้อยละ 19.53 สามารถทำงานและประสานงานร่วมกับรัฐบาลได้ดี ร้อยละ 18.01 มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ และร้อยละ 12.63 ชอบพรรคการเมือง (พรรคเพื่อไทย)
หมายเลข 10 นายโฆสิต สุวินิจจิต คน กทม. ร้อยละ 40.00 ระบุว่าชอบที่ตัวบุคคล เก่ง มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ และมีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และร้อยละ 20.00 เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค
หมายเลข 11 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส คน กทม. ร้อยละ 37.74 ระบุว่าชอบที่ตัวบุคคล เก่ง มีประสบการณ์ รองลงมา ร้อยละ 25.47 มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ ร้อยละ 17.92 เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค (กลุ่มพลังกรุงเทพฯ) และร้อยละ 11.32 อยากให้โอกาสคนอื่นๆ ลองเข้ามาทำงานดูบ้าง
หมายเลข 16 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร คน กทม. ร้อยละ 34.13 ระบุว่าชอบที่ตัวบุคคล เก่ง มีประสบการณ์ รองลงมา ร้อยละ 28.29 สามารถสานต่อนโยบายเดิมได้ต่อเนื่อง ร้อยละ 18.36 ชอบพรรคการเมือง (พรรคประชาธิปัตย์) และร้อยละ 15.33 มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ
หมายเลข 17 นายสุหฤท สยามวาลา คน กทม. ร้อยละ 34.38 ระบุว่าชอบตัวบุคคล เก่ง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รองลงมา ร้อยละ 31.24 มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ และร้อยละ 28.13 เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค
รองศาสตราจารย์ ดร. สุรสิทธิ์ วชิรขจร คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “ถ้ามองในภาพรวมแล้ว คนกรุงเทพฯ ยังให้ความสนใจที่ตัวบุคคลมากกว่าปัจจัยเรื่องของนโยบาย เมื่อเปรียบเทียบจากผลสำรวจในครั้งก่อนๆ ที่คะแนนความนิยมถือว่าสูสีกัน ระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่จะเห็นได้ชัดเจนมากกว่า อาจเป็นเพราะว่าเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ และในช่วงแรก ได้ออกนโยบายหาเสียงมาตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าเปรียบเทียบเช่นเดียวกันกับสินค้า ถือเป็นสินค้าชนิดใหม่ที่มีความน่าสนใจ ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นสินค้าเดิมที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้ว แต่จากเท่าที่สังเกตตามป้ายหาเสียงมองว่านโยบายยังไม่ค่อยมีความชัดเจนและเป็นไปได้ยาก ทางด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร นั้นถ้าตัวบุคคลถือว่ามีประสบการณ์มากกว่า แต่นโยบายก็ยังเป็นของเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีโอกาสทำได้ จึงทำให้สัดส่วนของผู้ที่ให้ความสำคัญกับนโยบายค่อนข้างน้อย แต่หากพิจารณาปัจจัยเรื่องของพรรคการเมืองที่คน กทม. ชอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มาจากคะแนนความนิยมที่เป็นฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทย แต่อย่างไรก็ตามยังมีบางส่วนที่ยังไม่แน่นอน คงต้องจับตารอดูไปสักอีกระยะหนึ่ง ส่วนผู้สมัครพรรคอิสระรายอื่นนั้นมองว่าเป็นไปได้ค่อนข้างยาก”
(จากการวิเคราะห์ในครั้งนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้วิจารณ์ไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์ฯ“นิด้าโพล” และ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์แต่อย่างใด)