กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--แอลจี-วัน
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ เผยผลประกอบการรวมของบริษัทประจำปี 2555 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 45.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท) โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.4 พันล้านบาท) ถึงแม้ว่ารายได้รวมจะลดลงร้อยละ 6 จากปี 2554 แต่ผลกำไรจากการดำเนินงานกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจาก 342.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2554 เป็น 1.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) ในปี 2555
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 แอลจีมีรายได้รวม 12.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 371 ล้านบาท) คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 98.08 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.9 พันล้านบาท) จากรายงานด้านการเงินเมื่อมีการปิดงบบัญชี ณ วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 428.96 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 12. 8 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากการจ่ายค่าปรับในคดีที่คณะกรรมาธิการยุโรปฟ้องร้อง กรณีที่แอลจีถูกกล่าวหาเรื่องราคาของจอ cathode-ray tube (CRT) เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์นั้น ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 ที่ผ่านมา แอลจีมียอดขายโทรทัศน์จอแบนจำนวน 9.3 ล้านเครื่อง ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสหรือ 5.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 177.3 พันล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงานรวมทั้งปีอยู่ที่ 480.92 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14. 4 พันล้านบาท) สำหรับกลุ่มทีวีสามมิติและสมาร์ททีวีมียอดจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงที่กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์มีความแข็งแกร่งในด้านของรายได้ แต่กลับมีผลกำไรลดลง เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยต่ำลง และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด แต่แอลจียังคงมุ่งมั่นที่จะทำการตลาดทีวีสามมิติและสมาร์ททีวีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มทีวีพรีเมียม ด้วย Ultra HD TV และ OLED TV ในปี 2556 นี้
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบไตรมาสต่อ ไตรมาส คิดเป็น 15.4 ล้านเครื่อง ซึ่งมีสัดส่วนของสมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่ง และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จาก 7 ล้านเครื่อง เป็น 8.6 ล้านเครื่อง โดยไตรมาสที่ 4 นับเป็นไตรมาสที่กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือของแอลจีมีรายได้สูงที่สุดในรอบปี โดยเติบโตถึงร้อยละ 15 คิดเป็น 2.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 77.4 พันล้านบาท) เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส นอกจากนี้ ยอดจำหน่ายของสมาร์ทโฟน LTE ระดับพรีเมียม อาทิ ออพติมัส จี, ออพติมัส วิว 2, แอล-ซีรี่ส์ และ กูเกิ้ล เน็กซัส ยังสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมาอีกด้วย และด้วยการทำตลาดในยุโรปและการขยายของตลาดสมาร์ทโฟน LTE ในปี 2556 นี้ แอลจีวางแผนที่จะเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ในกลุ่ม ออพติมัส จี, แอล-ซีรี่ยส์ รวมถึงสมาร์ทโฟนกลุ่มใหม่อย่าง เอฟ-ซีรี่ยส์
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีรายได้เกือบคงที่เมื่อเทียบปีต่อปี โดยในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา มียอดขายรวม 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8 หมื่นกว่าล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากยอดขายที่แข็งแกร่งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในกลุ่มเครือรัฐเอกราช (CIS) ซึ่งชดเชยกับความต้องการที่ลดลงของตลาดยุโรป, ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา ทั้งนี้ ผลกำไรของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการลงทุนด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 นี้ แอลจีเตรียมแผนที่จะเพิ่มรายได้และผลกำไรด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น และมุ่งให้ความสำคัญกับตลาดในภูมิภาคที่มีผลกำไรมากขึ้น
สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นส์ด้านพลังงานมียอดขายรวม 626 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18.8 พันล้านบาท) ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับปี 2554 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีผลการดำเนินงานขาดทุน 10.08 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 302.4 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ รายได้รวมของปี 2555 อยู่ที่ 3.86 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 115.8 พันล้านบาท) และมีกำไร 138.42 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.1 พันล้านบาท) โดยในปี 2556 แอลจีจะยังคงมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน และมีเทคโนโลยีเฉพาะที่เหมาะสมกับแต่ละตลาดเพื่อกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย
ทิศทางธุรกิจในปี 2556
ในปี 2556 บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 53.5 แสนล้านวอน (ประมาณ 491 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14.7 พันล้านล้านบาท) โดยตั้งเป้ารายจ่ายการลงทุนไว้ที่ 2.5 แสนล้านวอน (ประมาณ 229 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.8 พันล้านบาท)
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2555
ในช่วงต้นของไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 แอลจีได้ปรับผลกำไรและขาดทุนจากการดำเนินงานให้สอดคล้องกับบทบัญญัติใหม่ของ Korea-International Financial Reporting Standards (K-IFRS) 1001 เกี่ยวกับการเปิดเผยรายงานด้านการเงิน ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัทได้ปรับเปลี่ยนการเปรียบเทียบข้อมูลด้านการเงินให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ โดยอัตราแลกเปลี่ยนของเงินวอนต่อดอลล่าร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของ 3 เดือนในแต่ละไตรมาส เป็นผลให้ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อ 1,091 วอน, ไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 อยู่ที่ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อ 1,146 วอน และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของปี 2555 อยู่ที่ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อ 1,127 วอน
ข่าวประชาสัมพันธ์ โดยแอลจี-วัน ประเทศไทย
โทรศัพท์ 02 252 4166 ต่อ 102, 112
อีเมล์ sboonsaeng@lg-one.com, jlikhitkiatikul@lg-one.com