กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--กบข.
กบข. แถลงผลตอบแทนการลงทุนไตรมาส 3 ประจำปี 2547 สะสม12 เดือนย้อนหลังอยู่ที่ร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับดอกเบี้ย 5 แบงก์ใหญ่เฉลี่ยร้อยละ 1.0 ระบุพร้อมจัดแผนรับมือความเสี่ยงและขยายสัดส่วนการลงทุนเพิ่ม เน้นติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. แถลงถึงผลประกอบการและผลประโยชน์สุทธิของ กบข.ว่า "ณ ไตรมาสที่ 3 /2547 นั้น กบข. มีสินทรัพย์สุทธิจำนวนทั้งสิ้น 240,747.53 ล้านบาท และมีอัตราผลตอบแทนสุทธิสะสมย้อนหลัง 5 ปี ( ตั้งแต่ปี 2542 -2546 ) เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 8.6" ส่วนตัวเลขผลตอบแทนการลงทุนสะสม 12 เดือนย้อนหลัง ( ตุลาคม 2546 — กันยายน 2547 ) เท่ากับร้อยละ 4.4 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 ธนาคารเฉลี่ยร้อยละ 1.0 และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.3
นอกจากนี้ นายวิสิฐยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กบข. คงยึดหลักนโยบายการจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมและการกระจายการลงทุนให้หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันนั้น กบข. กระจายสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจร้อยละ 28.9 ตราสารหนี้ร้อยละ 24.3 เงินฝากธนาคารและตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารร้อยละ 22.3 ตราสารทุนร้อยละ 15.0 อสังหาริมทรัพย์และการลงทุนทางเลือกอื่นๆร้อยละ 6.2 รวมทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอีกร้อยละ 3.3
อนึ่ง จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และการที่ธนาคารกลางของไทยและสหรัฐฯ อยู่ในช่วงปรับดอกเบี้ยขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จึงส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนด้านการลงทุนของ กบข. ปัจจุบัน กบข. ได้ทำการวิเคราะห์และวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า โดยแนวโน้มการลงทุนในไตรมาสถัดไปนี้ กบข. จะเตรียมแผนรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น และจะศึกษาโอกาสการลงทุนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การขยายสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ต่างประเทศ และในภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือการปรับพอร์ตลดการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เป็นต้น โดยจะมีการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดเงินตลาดทุนอย่างใกล้ชิด--จบ--