กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--กทช.
พลเอกชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า ตามที่ผู้นำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมเกี่ยวกับ วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เกิดความสับสนและกำลังประสบความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวจากต่างประเทศที่ขณะนี้ตกค้างอยู่ที่สนามบินและท่าเรือ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลอุปกรณ์ การออกใบอนุญาตนำเข้าเดิมกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อมากรมไปรษณีย์โทรเลขไปสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และต่อมาแปลงสภาพเป็นสำนักงาน กทช. ช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้บังเกิดความสับสน บัดนี้การนำเข้ามีความชัดเจนแล้ว ผู้นำเข้าต้องมาขอใบอนุญาตที่สำนักงาน กทช. ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคาร
กรมไปรษณีย์โทรเลขเดิม ที่ถนนพหลโยธิน 8 หรือซอยสายลม โดยประธาน กทช. จะเป็นเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มอบอำนาจพนักงาน กทช. เป็นผู้ออก ใบอนุญาตแทน ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ขณะเดียวกันถ้าผู้มาติดต่อมิได้รับความสะดวก ขอให้มาร้องเรียนได้โดยตรงกับตนเอง
พลเอกชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 14 เดือนนี้ (กุมภาพันธ์ 48) จะมีพิธีเปิดสำนักงาน กทช. อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีความพร้อมในการให้บริการกับผู้มาติดต่อ และนับแต่คณะกรรมการ กทช. ได้เข้ามาปฏิบัติงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 กทช. ได้เร่งออกระเบียบ กฎเกณฑ์ การจัดโครงสร้างหน่วยงาน เพื่อให้งานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม เป็นไปอย่างรัดกุมและเป็นธรรม งานสำคัญที่ กทช. เร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ การออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งตามกฎหมาย กำหนดให้ออก ใบอนุญาต ให้กับบริษัท ทศท คอร์ปอร์เรชั่น และ บริษัท กสท.โทรคมนาคมก่อน ส่วนบริษัทอื่นจะทยอยดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า กทช. ชุดนี้ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นในเรื่องคุณภาพ กฎเกณฑ์หรือเรื่องใดที่เป็นมติของ กทช. ต้องสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที และได้ย้ำกับพนักงาน กทช. ทุกคนว่า ให้ทำงานด้วยความรวดเร็ว มีความรับผิดชอบ อย่าให้เกิดความล่าช้า ต้องวางตัวให้เหมาะสม ที่สำคัญต้องไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้มา ติดต่ออย่างเด็ดขาด--จบ--