แผนธุรกิจปี 2556 เพอร์เฟค วางเป้าขาย 19,000 ล้าน เปิด 21 โครงการใหม่

ข่าวอสังหา Wednesday February 6, 2013 11:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผยแผนปี 56 วางเป้าขายที่ 19,000 ล้าน เติบโต 36% เปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ รวมมูลค่า 27,550 ล้าน เผยล่าสุดมีแลนด์แบงค์ทำเลรถไฟฟ้าสำหรับพัฒนาโครงการ 2,200 ไร่ พร้อมลุยตลาดแนวราบและแนวสูงทำเลใกล้รถไฟฟ้า กลยุทธ์ 2556 ยังตอกย้ำการพัฒนามาตรฐานครบทุกด้าน ทั้งโครงการ แบบบ้าน และงานก่อสร้าง ด้านการเงิน คาดปีนี้จะมีรายได้เพิ่ม เป็น 15,000 ล้าน เติบโต 67% จากปีที่ผ่านมา นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต รองประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ และนายเจษฎ์ เจษฎ์ปิยะวงศ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันแถลงถึงแผนธุรกิจของบริษัทปี 2556 โดยเปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ทำได้ 14,000 ล้านบาท เป็นเป้าขายโครงการแนวราบ 9,690 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 9,310 ล้านบาท ปี 2556 นี้ บริษัทยังจะมีการเติบโตอย่างชัดเจนในด้านรายรับ โดยตั้งเป้าหมายจะมีรายได้ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งมีรายได้ 9,000 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการแนวราบยังคงเป็นหลัก ในสัดส่วน 64% ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณ 9,660 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็น Backlog 1,100 ล้านบาท สำหรับรายได้จากโครงการแนวสูง คาดว่าจะมีจำนวน 4,270 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้เพิ่มขึ้นได้ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยปีนี้ บริษัทมีคอนโดมิเนียมที่เป็น Backlog จำนวน 1,800 ล้านบาท และมีโครงการที่สามารถรับรู้รายได้เพิ่มเป็น 4 โครงการ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 2 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีรายได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1,070 ล้านบาท จากโครงการหอพักนักศึกษายูนิลอฟท์ เชียงใหม่ และ ศาลายา ซึ่งทั้ง 2 โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ และคาดว่าจะจัดตั้งกองทุนได้เรียบร้อยภายในครึ่งแรกของปีนี้ ทั้งนี้ จากการที่รัฐมีแผนเร่งรัดการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายเส้นทาง ส่งผลโดยตรงกับแลนด์แบงค์ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งอยู่บนทำเลใกล้รถไฟฟ้า รวม 2,200 ไร่ คิดเป็นมูลค่าการพัฒนา 71,000 ล้านบาท สำหรับพัฒนาโครงการได้อีก 3 ปี ทั้งโครงการเดิมที่มีอยู่และแลนด์แบงค์ทำเลใหม่ ประกอบด้วย ทำเลกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า BTS และ MRT 50 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 16,000 ล้านบาท โซนตะวันตก ใกล้สายสีม่วง 600 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 15,000 ล้านบาท โซนเหนือ ใกล้สายสีแดงและสีชมพู รวม 750 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 20,000 ล้านบาท และ โซนตะวันออก ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์ 200 ไร่และสาย สีส้ม 600 ไร่ มูลค่าการพัฒนารวม 20,000 ล้านบาท บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง 21 โครงการ รวมมูลค่า 27,550 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 15 โครงการ มูลค่า 18,350 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 9,200 ล้านบาท โดยมีทำเลใหม่ อาทิ กรุงเทพกรีฑา แจ้งวัฒนะ พัฒนาการ บางนา ประชาชื่น เพชรเกษม สำหรับการเปิดโครงการใหม่ ในครึ่งปีแรกมีแผนเปิดตัว 7 โครงการ และในครึ่งปีหลังอีก 14 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีการขยายโครงการไปในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ คอนโดมิเนียมที่หัวหิน ซึ่งเป็นโครงการในต่างจังหวัดอีกแห่งหนึ่ง นอกเหนือจากหอพักนักศึกษาที่เชียงใหม่ ในปีนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนาโครงการ รูปแบบสินค้า และงานก่อสร้าง โดยวางแผนการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโครงการ อาทิ การปรับสวนและทะเลสาบ ซึ่งเป็นจุดขายของโครงการของบริษัท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ รวมถึง การสร้างความแตกต่างในเรื่องสินค้า ทั้ง บ้านและคอนโดมิเนียม ด้วยแบบบ้านใหม่ รูปแบบทันสมัยและให้พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง ด้วยการเน้นงานก่อสร้างในระบบพรีแฟบเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 50% เพื่อให้งานก่อสร้างเร็วขึ้น ส่งมอบได้รวดเร็ว รับรู้รายได้เร็วขึ้น และรองรับปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยนอกเหนือจากโรงงานผลิตของบริษัทแล้ว ยังมีความร่วมมือกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) สำหรับการผลิตด้วยระบบพรีแฟบทั้งในโครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม 8 ชั้นด้วย นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ SCG HEIM สำหรับงานก่อสร้างโครงการในตลาดบ้านระดับบน โดยจะมีการปรับรูปแบบจากเดิมที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เพื่อให้เข้ากับเมืองไทยและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทยมากขึ้น ในด้านการเงินปี 2556 นั้น บริษัทยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงินหลัก ทั้ง ธนาคาร กรุงไทย ธนชาต กรุงศรีอยุธยา และ ซีไอเอ็มบีไทย ซึ่งบริษัทยังได้ปรับลดงบลงทุนซื้อที่ดินเหลือปีละ 2,000 ล้านบาท และมีนโยบายรักษาระดับหนี้สินต่อทุนในอัตราส่วน 1.5 เท่า นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน รวมทั้งมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านบาท ในครึ่งปีหลังเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินโครงการเพิ่มขึ้นด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ