กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--PR Network
ในบรรดาอวัยวะที่คนเรามี “ผิวหนัง” นับเป็นอวัยวะที่อยู่นอกสุด ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจาก ความร้อน ความเย็น แสง เชื้อโรค และสารต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย โดยมีกลไกที่หลากหลาย เช่น ระบบการควบคุมอุณหภูมิผ่านต่อมเหงื่อ ระบบการเก็บกักน้ำและไขมันเพื่อป้องกันการกระทบกระแทก และการซึมผ่านของสารต่างๆ ระบบภูมิตุ้มกันเพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น และบทบาทที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ก็คือ ผิวหน้าคือความมั่นใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ดังนั้น ในทุกยุคทุกสมัยจึงมีการใช้สมุนไพรเพื่อการดูแลผิวหน้ากันมาอย่างยาวนาน
และแตงกวา ก็นับเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่เป็นทั้งอาหาร และเครื่องสำอาง ซึ่งมีหลักฐานการปลูกเพื่อกินเพื่อใช้ในอินเดียและอียิปต์มานานกว่า 4000 ปี และเป็นที่ทราบกันดีว่า แตงกวานั้นมีสรรพคุณในการบำรุงผิวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการบำรุงและการแก้บัญหาต่างๆ ของผิวหน้า เช่น
ผิวหน้าอักเสบบวมแดงจากการถูกแดดเผา : เมื่อต้องไปเผชิญกับแสงแดดจัดๆ มา ให้คิดถึงแตงกวาเป็นอันดับแรก เพื่อลดการอักเสบของผิวหน้า อันจะนำไปสู่การไหม้เกรียม หรือฝ้ากระ โดยรีบใช้น้ำคั้นแตงกวาพอกทั้วใบหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อลดอาการแสบ บวมแดง ร้อน และถ้าจะให้ดีควรทำให้เย็นจะได้ผลดีขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายเป็นปลิดทิ้งหลังพอกประมาณ 10 นาที เพราะแตงกวามีคุณสมบัติเย็นและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี
การรักษาสิวในวัยรุ่น : ในแตงกวา มีฤทธิ์ฝาดสมาน ซึ่งช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมันบนใบหน้าและช่วยฆ่าเชื้ออ่อนๆ คนสมัยก่อนจึงนิยมคั้นน้ำแตงกวาให้ลูกสาววัยรุ่นที่มักเป็นสิวทาหน้า เป็นเสมือนโทนเนอร์ แต่มีข้อเสีย คือ เก็บไว้ได้ไม่นานต้องคั้นวันต่อวัน
รักษารอยดำคล้ำ บวม รอบดวงตา : ผิวรอบดวงตา เป็นบริเวณที่มีความบอบบาง และมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าส่วนอื่นๆ เนื่องจากผิวบริเวณนี้มีต่อมไขมันน้อยกว่าบริเวณอื่นของผิวหน้า จึงมีโอกาสจะขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย ดังนั้น การเผชิญกับแสงแดด การดื่มน้ำน้อย การใช้แป้งทาพอกหน้าบริเวณนี้มากเกินไป การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ล้วนเป็นปัจจัยให้เกิดปัญหาทั้งสิ้น และ เพื่อเป็นการรักษาและป้องกันรอยดำคล้ำ เหี่ยวย่น หรือ บวมรอบดวงตา ควรฝานแตงกวาตามขวางเป็นวงๆ วางไว้รอบดวงตาก่อนนอนเป็นประจำ เพราะนอกจากจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังได้ดีแล้ว แตงกวายังเป็นแหล่งซิลิกาที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เล็บ ผม และกระดูก แข็งแรงขึ้น
รักษาความเยาว์วัยให้ผิวพรรณ : แตงกวา อุดมไปด้วยวิตามินซี แร่ธาตุ และพฤกษ์เคมีที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความชราของผิวพรรณ และมีการศึกษาวิจัยสนับสนุนการใช้แตงกวาลบรอยเหี่ยวย่น จากการที่แตงกวามีคุณสมบัติ Anti-hyaluronidase และ anti-elastase ที่โดดเด่นกว่าสมุนไพรตัวอื่นๆ คือ ในแตงกวามีวิตามินเค ที่มักไม่พบในพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งวิตามินเคมีมีบทบาทสำคัญในการชะลอความชราของเซลต่างๆ ในร่างกาย
รักษาหน้าแห้ง : เป็นที่รู้กันมานานับพันปีว่า แตงกวา เกิดมาเพื่อหญิงสาว ซึ่งหญิงสาวทั่วโลกในอดีต รักษาผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ลบรอยเหี่ยวย่น ลบรอยแผลเป็นโดยการหั่นแตงกวาเป็นชิ้นบางๆ แล้วแปะทิ้งไว้บนใบหน้า ซึ่งพบว่าในแตงกวามีสารที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า ทั้งวิตามิน เกลือแร่ อะมิโนแอซิด ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม คืนความชุมชื้นตามธรรมชาติให้กับผิวหน้า
ความชุ่มชื้นของผิวหน้ามีความสำคัญมาก เพราะผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง จะทำให้ผิวหน้าเหี่ยวย่นได้ง่าย เกิดเป็นฝ้า-กระได้ง่าย และถ้าผิวแห้งมากๆ ก็จะทำให้ผิวแห้งแตก คัน และทำให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า โดยเฉพาะในหน้าหนาว ซึ่งมีความชื้นในบรรยากาศต่ำ ทำให้น้ำในผิวหนังของเราถูกดึงออกมามาก นำไปสู่ปัญหาต่างๆ ของผิวตามมา และการหาตัวช่วยในการบำรุงและแก้ปัญหาต่างๆ ของผิวนั้น คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป เพราะเพียงพอกหน้าด้วยแตงกวาแล้วล้างออก จากนั้นทาผิวบางๆ ด้วยน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันงา เพียงแค่นี้ผิวหน้าก็จะสดใส ชุ่มชื้น คืนความอ่นเยาว์ได้แม้ในหน้าหนาว
นอกจากนี้ การทำเครื่องสำอางจากแตงกวาไว้ใช้เองก็ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งมีสูตรในการทำเครื่องสำอางจากแตงกว่าง่าย ๆ นั่นคือ การทำสารสกัดแตงกวาในกลีเซอรรีน โดยนำแตงกวา 4 ส่วน กลีเซอรีน 3 ส่วน น้ำ 1 ส่วน ปั่นเข้าด้วยกัน จากนั้น กรองผ่านผ้าขาวบางสะอาด นำน้ำที่กรองได้เก็บไว้ใช้ได้ประมาณ 1 ปี แต่ควรเก็บในที่เย็นเพราะสารในแตงกวาที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้าไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ และเราสามารถนำสารสกัดแตงกวานี้ไปใช้ โดยการเติมลงไปในครีมทาหน้าทั่วไป ประมาณ 2 - 4 ช้อนชา ต่อ 100 กรัม คนให้เข้ากัน เก็บไว้ใช้เป็นครีมแตงกวาทาผิว
ปัจจุบัน บริษัทเครื่องสำอางทั่วโลกใช้สารสกัดจากแตงกวาใส่ในครีมต่างๆ เช่น ครีมกันแดด ครีมลบรอบเหี่ยวย่น ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น ครีมรักษาผิวมัน ครีมลบจุดด่างดำบนใบหน้า และยังผสมใส่ในแชมพูและโลชั่นต่างๆ โดยความเข้มข้นของสารสกัดที่ใช้ในเครื่องสำอางเหล่านี้ จะอยู่ระหว่าง 1 - 10 % นั่นเอง
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร
หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
โทร 037 211 289