กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--แฟรนคอม เอเชีย
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) พร้อมสานต่อความสำเร็จในโอกาสครบรอบ 25 ปี ด้วยการเติบโตอย่างมั่นคงในปี 2556 หลังสร้างสถิติใหม่ด้านผลประกอบการในปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศแผนการลงทุน 5 ปี มูลค่า 40,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนภายในปีนี้ 8,000 ล้านบาท ใน 4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ อันได้แก่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภค พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ เหมราชฯ ได้เริ่มพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี 2 โดยนิคมฯ แห่งใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่ 640 ไร่ (256 เอเคอร์ หรือ 102 เฮกตาร์) โดยพร้อมที่จะรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาก่อสร้างโรงงานได้ในราวปลายปี 2556
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเหมราชฯ จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้และผลประกอบการให้เติบโตต่อไปในอนาคต
ปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งของเหมราชฯ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 36,137 ไร่ (14,500 เอเคอร์ หรือ 5,800 เฮกตาร์) รองรับลูกค้า 555 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านยานยนต์ 188 ราย และเคมีภัณฑ์/ปิโตรเคมี 54 ราย มีสัญญาที่ดินและโรงงานรวม 832 สัญญา โดยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าของเหมราชฯ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมคิดเป็นอัตราส่วนกว่าร้อยละ 45 ของรายได้รวมของเหมราชฯ และยังมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และชาติสมาชิกอาเซียน การย้ายฐานการผลิตจากพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยไปยังแถบอีสเทิร์นซีบอร์ด รวมไปถึงทัศนคติในทางบวกของนักลงทุนจากออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาที่มีต่อการลงทุนในประเทศไทย
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยสถานะผู้นำตลาด ทำให้เหมราชฯ มีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นอยู่หลายประการ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่เพียบพร้อม การวางผังเมืองและจัดการสภาพแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดสรรพื้นที่เอื้อแก่กลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันและที่เกี่ยวข้อง ระบบสาธารณูปโภคระดับโลก และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง“
สำหรับปี 2556 นี้ เหมราชฯ ตั้งเป้าอัตราเติบโตของรายได้ด้วยตัวเลขสองหลัก โดยได้ประเมินยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,600 ไร่ (640 เอเคอร์ หรือ 256 เฮกตาร์) ลูกค้าใหม่ 50 ราย และสัญญาที่ดินและโรงงานใหม่อีก 80 ฉบับ
ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาทจากบริการสาธารณูปโภค
บริการสาธารณูปโภค ซึ่งครอบคลุมกลุ่มบริการที่เกี่ยวกับน้ำ ตั้งแต่การผลิตน้ำประปาไปจนถึงการบริหารจัดการน้ำเสีย ได้กลายอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญของเหมราชฯ มากว่า 10 ปีแล้ว ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ร้อยละ 22 ของรายได้รวม และเหมราชฯ คาดว่าธุรกิจสาธารณูปโภคจะเติบโตอีกร้อยละ 20 โดยตั้งเป้ารายได้ในปี 2557 ที่ 2,000 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจนี้จะได้รับแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยสำคัญสองประการ ได้แก่ การขยายตัวของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และความต้องการพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก ปิโตรเคมี และการผลิตไฟฟ้า ตั้งแต่น้ำดิบ น้ำประปา และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมจนถึงระบบจัดการน้ำเสียและการบำรุงรักษา
นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ อธิบายว่า “บริการสาธารณูปโภคและนิคมอุตสาหกรรมเป็นประเภทธุรกิจที่สอดรับกันได้เป็นอย่างดีและเติบโตควบคู่กันไปอยู่เสมอ ช่วง 10 ปีหลังมานี้ เราได้พัฒนาศักยภาพของเราในด้านเทคโนโลยีการจัดการสภาพแวดล้อม ทรัพยากรน้ำ และน้ำเสียมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการเติบโตในส่วนนี้ต่อไปในอนาคต”
โครงการ SPP ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคงในธุรกิจพลังงาน
นับจากโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ซึ่งเหมราชฯ ได้ร่วมทุนกับโกลว์ ในอัตราถือหุ้น 35/65 บริษัท เหมราชฯ ยังได้เข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด โดยถือหุ้นในอัตราส่วนร้อยละ 25.01 ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการในช่วงกลางปี 2556 นอกจากนั้นเหมราชฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีก 7 โครงการ โดยแต่ละโครงการมีกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์
“สำหรับในภาคธุรกิจนี้ ผมเชื่อว่าเรามีปัจจัยในการเติบโตอยู่สองประการ นั่นก็คือ ฐานลูกค้านิคมอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งก็มีความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าอยู่มาก และความร่วมมือกับหุ้นส่วนระดับโลกอย่าง โกลว์ จีดีเอฟ ซูเอซ และกัลฟ์ เจ พาวเวอร์ ญี่ปุ่น” นายนาร์โดนกล่าวเสริม
ขณะนี้ เงินปันผลจากการถือหุ้นในโครงการเหล่านี้มีมูลค่ารวมคิดเป็นร้อยละ 8 ของรายได้ของเหมราชฯ และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญอีกแหล่งหนึ่ง
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์รุดหน้ารวดเร็ว ด้วยการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกส์ พาร์ค
เหมราชฯ เชื่อว่าธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าโลจิสติกส์ ซึ่งทำรายได้คิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้รวมทั้งหมด จะสามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีลูกค้าเช่าโรงงานเพิ่มขึ้นกว่า 120,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่เกินกว่าร้อยละ 50 ส่วนผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่างคลังสินค้าโลจิสติกส์นั้น ก็คาดว่าจะเติบโตด้วยอัตราที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการขยายพื้นที่ให้เช่าอีก 100,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ที่กำลังก่อสร้างทั้งหมด 180,000 ตารางเมตร โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าทั้งสองกลุ่มนี้ นอกจากจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แล้ว ยังถือเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงอีกด้วย
“เราเชื่อว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจในหมู่นักลงทุนภาคอุตสาหกรรม เนื่องมาจากจุดแข็งสำคัญหลายประการ ทั้งบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน ความสะดวกในการเข้าถึงตลาด ต้นทุนการดำเนินการที่สมเหตุสมผล และโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์พร้อม” นายนาร์โดนกล่าว “ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่านโยบายการขยายธุรกิจแบบรอบด้านนี้ จะช่วยให้รายได้ของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่าน”
หลังจากที่ได้ซื้อที่ดินขนาด 258 ไร่ (103 เอเคอร์ หรือ 41 เฮกตาร์) บนเกาะล้าน พัทยา เหมราชฯ ได้เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรขนาดใหญ่ โดยคาดว่าแผนงานของโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2556 ก่อนที่จะเริ่มทำการก่อสร้างต่อไปในปี 2557
เกี่ยวกับเหมราชฯ
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ซึ่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมรวม 7 แห่ง โดยมีที่ดินรวมประมาณ 36,137 ไร่ (14,500 เอเคอร์ หรือ 5,800 เฮกตาร์) พร้อมด้วยโรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกส์ พาร์คอีกกว่า 700,000 ตารางเมตร ซึ่งได้พัฒนาให้เป็นศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 555 รายซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางด้านยานยนต์ 188 ราย มีสัญญาด้านยานยนต์จำนวน 287 สัญญา สัญญาที่ดินและโรงงานรวม 832 สัญญา และมีเงินลงทุนรวมของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ เป็นมูลค่าประมาณ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เหมราชฯ มีการบริหารจัดการน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและจัดการน้ำเสียกว่า 265,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และยังมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าใน 13 โครงการ หรือคิดเป็นกำลังไฟฟ้ารวม 2,635 เมกะวัตต์ โดยเหมราชฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 23ในปี 2552 - 2555 เหมราชฯ ได้รับการประเมินว่าเป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย 4 ปีซ้อน
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9