กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--ธนาคารเกียรตินาคิน
“กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” นำโดยนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน แถลงทิศทางธุรกิจปี 2556ชูกลยุทธ์ใช้ความเชี่ยวชาญและจุดแข็ง ผสานด้านธนาคารพาณิชย์และตลาดทุน ตั้งเป้าขยายสินเชื่อรวม 19% หลังปี 55 สินเชื่อรวมเติบโตได้ถึง 24.5% กำไรสุทธิอยู่ 3,391 ล้านบาท พร้อมขยายการลงทุนและรุกบริการที่ปรึกษาการลงทุนให้กับลูกค้าเงินฝาก เพื่อสร้างบริการทางการเงินอย่างครบวงจร
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Aphinant Klewpatinond, Chairman of Commercial Bank & President, Kiatnakin Bank Plc.) ได้แถลงทิศทางธุรกิจปี 2556 และผลประกอบการของธนาคารปี 2555 ในงานธนาคารเกียรตินาคินพบสื่อมวลชนว่า “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจภายใต้สมมติฐานที่ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่ ที่อัตรา 2.75% และจีดีพีของประเทศอยู่ที่ 4.0-5.0% รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจตลาดทุนอย่างเต็มรูปแบบ โดยในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์นั้น ตั้งเป้าสินเชื่อรวมจะเติบโตที่ 19% โดยจะโตในอัตรา 16% ในส่วนของสินเชื่อรายย่อย (ปัจจุบันมีสัดส่วน 76% ของสินเชื่อรวม) และ 34% ในส่วนของสินเชื่อธุรกิจ (KK BIZ) ตลอดจนตั้งเป้าการขายทรัพย์สินรอขาย (NPA) ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท สำหรับสาขาธนาคาร 87 แห่ง (รวมสำนักงานใหญ่) ที่มีอยู่นั้นสามารถให้บริการลูกค้าทั้งสินเชื่อและเงินฝากได้อย่างครอบคลุมอยู่แล้วอาจจะยังไม่มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มในปีนี้ แต่จะเป็นการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการของสาขาให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายธุรกิจ”
โดยในส่วนของธุรกิจตลาดทุน (ภายใต้การดำเนินการของบริษัททุนภัทร บล.ภัทร บล.เกียรตินาคิน และ บลจ.เกียรตินาคิน) ภัทรเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางธุรกิจหลักทรัพย์และการลงทุนอย่างครบวงจร ทั้งในด้านธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนให้แก่ลูกค้าบุคคลรายใหญ่ (Private Wealth Management) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์สถาบัน ธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking) และธุรกิจการลงทุน (Principal Investment Business) ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จากทุนภัทรและบริษัทลูกก็จะช่วยเสริมรายได้ค่าธรรมเนียมให้แก่ธนาคาร นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวของภัทร ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ธนาคารอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่สำคัญต่อจากนี้คือการทำงานร่วมกันระหว่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน เพื่อให้เกิดความร่วมมือทางธุรกิจ (Synergies) สูงสุด โดยเฉพาะในส่วนลูกค้าบุคคลที่การให้บริการภายใต้กลุ่มธุรกิจการเงินจะทำได้หลากหลายและครบวงจรมากขึ้นโดยมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และในส่วนสินเชื่อธุรกิจ ก็จะสามารถดึงจุดแข็งที่ภัทรมีในธุรกิจตลาดทุน เพื่อปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Advisory-linked financing) เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ล่าสุด ธนาคารได้ร่วมกับ ภัทร ในการดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนให้กับลูกค้าเงินฝากกลุ่ม Priority Banking ของธนาคาร ที่มีศักยภาพด้านเงินฝากและการลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป โดยลูกค้าจะได้รับบริการทั้งด้านเงินฝากและด้านการลงทุน โดยมี Relationship Manager (RM) และ Financial Consulting (FC) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก ภัทร คอยให้คำปรึกษาการลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ โดยทั้ง RM และ FC จะทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้รับข้อมูลหรือคำปรึกษาต่างๆ อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ สิ่งที่ลูกค้าจะสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนคือบริการที่หลากหลายและครบวงจรมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรก้าวสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่สามารถให้บริการต่อลูกค้าเป้าหมายได้อย่างดีที่สุด” นายอภินันท์ กล่าวในตอนท้าย
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2555 เทียบกับปี 2554 นั้น นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Chavalit Chindavanig, Head of Finance and Budgeting, Kiatnakin Bank Plc.) เปิดเผยว่า “กลุ่มธุรกิจการเงินธนาคารเกียรตินาคินภัทร มีกำไรสุทธิรวม 3,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% ในจำนวนนี้ เป็นกำไรสุทธิของ บมจ. ทุนภัทรและ บล. ภัทรจำนวน 403 ล้านบาท (รวมผลการดำเนินงานของทุนภัทร และ บล.ภัทร ไม่เต็มปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2555 ซึ่งเป็นวันที่การร่วมกิจการมีผลตามกฎหมายเป็นต้นไป) โดยในส่วนของสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 233,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% ในส่วนของรายได้เติบโตในทุกด้าน รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 27.9% รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 60.7% ซึ่งมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธุรกิจตลาดทุน”
ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อมีการขยายตัวต่อเนื่อง มียอดสินเชื่อรวมของปี 2555 อยู่ที่ 168,994 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากเป้าหมาย 21% สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) อยู่ที่ 3.9% ลดลงจากปี 2554 ที่อยู่ 4.3% เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญในการควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ที่ 3.3% ลดลงจาก 3.4% เมื่อสิ้นปี 2554 และมีอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ 109.5% สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 199,815 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจตลาดทุน มีผลการดำเนินงานมาจาก 3 ส่วน คือ ทุนภัทร และบล.ภัทร ดำเนินธุรกิจการเป็นตัวแทน (Agency Business) และการลงทุน (Principal Business) ให้บริการวานิชธนกิจและการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าประเภทสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าบุคคล รายใหญ่ ต่อมาคือ บล.เกียรตินาคิน ที่ให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้ารายย่อย นอกจากนี้ยังมี บลจ.เกียรตินาคินที่ให้บริการธุรกิจจัดการกองทุนสำหรับนักลงทุนทั่วไป