สำนักงาน กสทช. ยืนยันการนำเงินส่งกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินเป็นการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday February 12, 2013 14:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--สำนักงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. ยืนยันการนำเงินส่งกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินเป็นการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะรับหลักการแนวทางการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค 0406.3/1913 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ถึง เลขาธิการ กสทช. เรื่อง ขอนำเงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แจ้งให้สำนักงาน กสทช. ขอถอนคืนเงินรายได้แผ่นดินจำนวน 20,842,969,963.43 บาท (สองหมื่นแปดร้อยสี่สิบสองล้านเก้าแสนหกหมื่นเก้าพันเก้าร้อยหกสิบสามบาทสี่สิบสามสตางค์) ที่สำนักงาน กสทช. ได้นำส่งคลังมา ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2555 ตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. 2550 ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้ง นั้น สำนักงาน กสทช. ขอเรียนว่า สืบเนื่องจากวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำเสนอเรื่องพร้อมความเห็นและคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยวินิจฉัยว่าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ใช่ผู้มีสิทธิเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครอง ตามมาตรา 245 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 14 (2) แห่งพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 และมาตรา 43 แห่งพ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และแม้ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองสูงสุดก็ตาม แต่ปัจจุบันการอุทธรณ์คำสั่งของผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดว่าจะรับคำอุทธรณ์ไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งสำนักงาน กสทช. เห็นว่า การฟ้องคดีต่อศาลปกครองดังกล่าวยังมิได้พิจารณาถึงประเด็นวิธีการประมูลคลื่นความถี่และประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 ว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ดังนั้น สำนักงาน กสทช. จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำเงินที่ได้จากการประมูลหลังจากหักค่าใช้จ่ายนำส่งกระทรวงการคลังตามมาตรา 45 แห่งพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ทั้งนี้ การที่กระทรวงการคลังขอให้สำนักงาน กสทช. ถอนคืนเงินรายได้แผ่นดินจำนวน 20,842,969,963.43 บาท ตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. 2550 ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้ และให้สำนักงาน กสทช. นำเงินจำนวนดังกล่าวฝากกระทรวงการคลังนั้น เนื่องจากสำนักงาน กสทช. เห็นว่า การนำส่งเงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ให้กระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดินเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔๕ แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ประกอบกับกระทรวงการคลังได้ส่งเงินดังกล่าวเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่สำนักงาน กสทช. จะขอถอนคืนเงินรายได้และขณะนี้ก็ยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลปกครองว่า การนำส่งรายได้แผ่นดินเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. 2550 เป็นกรณีที่ใช้บังคับกับส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณที่เห็นว่า รายได้ที่ได้นำส่งกระทรวงการคลังไปแล้ว เป็นรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณนั้น ๆ ก็จะต้องดำเนินการขอตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อถอนคืนเงินรายรับตามข้อบังคับกระทรวงการคลังฯ แต่เนื่องจากตามมาตรา 56 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 บัญญัติให้สำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการ ดังนั้น ข้อบังคับดังกล่าวจะใช้กับสำนักงาน กสทช. ได้หรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังจะต้องนำประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาประกอบด้วย เลขาธิการ กสทช. ในฐานะกรรมการและเลขานุการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ห้องประชุมกองทุนฯ อาคารไอทาวเวอร์ 1 ถนนวิภาวดี ผลการประชุมในวาระ เรื่องแนวทางการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีมติ เห็นชอบในหลักการเบื้องต้นในวิธีการที่จะจัดสรรเงินกองทุนในลักษณะที่เป็นคูปองเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้รับบริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลอย่างทั่วถึงตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 52 (1) แห่งพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ที่ให้จัดตั้งกองทุนฯ ขึ้นในสำนักงาน กสทช. โดยมีวัตถุประสงค์ ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ทั้งนี้ แนวทางการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลที่ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เสนอมาสรุปได้ดังนี้ 1. การแจกจ่ายคูปองส่วนลดให้กับประชาชนทุกครัวเรือนโดยเท่าเทียมกัน (ประมาณ 22 ล้านครัวเรือน) 2. การแจกจ่ายคูปองส่วนลดจะใช้เงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่เพื่ออนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบธุรกิจในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 3. คูปองส่วนลดสามารถนำไปเลือกใช้ได้กับการจัดหาเครื่องรับโทรทัศน์ที่รับสัญญาณระบบดิจิตอลและอุปกรณ์แปลงสัญญาณระบบดิจิตอล (Set-Top-Box) 4. ควรกำหนดเป็นเงื่อนไขการประมูลให้ผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ฯ สนับสนุนประชาชนให้ได้รับบริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลอย่างทั่วถึง โดยจะต้องสนับสนุนเป็นจำนวนเงินตามมูลค่าขั้นต่ำของคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาต เลขาธิการ กสทช. ในฐานะกรรมการและเลขานุการกองทุนฯ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปทางกลุ่มงานกองทุนวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์สาธารณะได้นำเสนอ มติที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 เรื่อง แนวทางการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลดังกล่าว บรรจุเป็นวาระการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ในวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 นี้ และได้ย้ำถึงการขยายระยะเวลาการยื่นขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนเงินกองทุนฯ ประจำปี 2556 จากเดิมที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2556 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2556 เป็นเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2556 จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจมีโอกาสเข้ามาขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) โทรศัพท์ : 0-2271-0151 ต่อ 315 - 317 โทรสาร : 0-2290-5241

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ