กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--เบรนเอเซีย คอมมิวนิเคชั่น
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เผยผลงานปี 2555 พัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศเกือบ 700,000 หน่วย ส่วนปี 2556 เตรียมรุกงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมือง ครอบคลุมทุกมิติ ตามแผนยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2555 — 2559 ชูธงงานวิจัยนวัตกรรมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงาน พร้อมประกาศเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาวิชาการนานาชาติ “กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมืองในประเทศไทย” ระดม 15 กูรูดังจากทั่วโลกร่วมถกประเด็นร้อน วันที่11-13 มีนาคม 2556 ณ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เพื่อนำผลประชุมจากประสบการณ์และองค์ความรู้ไปกำหนดแนวนโยบายที่อยู่อาศัยของประเทศต่อไป
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (Prof.Dr.Suchatvee Suwansawat)ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติกล่าวว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกที่ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น กรุงเทพฯและเมืองทั่วโลกต่างประสบปัญหาจากการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ความแออัดของที่อยู่อาศัย การจราจรติดขัด ขยะและมลพิษอากาศที่เพิ่มสูงจนทำให้กรุงเทพฯติดอันดับโลก และระบบสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอและล้าหลัง จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนเมืองและคุณภาพชีวิตให้เป็นแผนบูรณาการหนึ่งเดียวกันทุกระบบ ทั้งกำหนดการใช้พื้นที่บนดินและใต้ดิน เพื่อจัดระเบียบให้เมืองมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน มีความยืดหยุ่นและมั่นคงปลอดภัย รักษาพื้นที่การพักผ่อนสันทนาการและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของเมืองไว้ แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ต่างมุ่งวางแผนพัฒนาเมืองอย่างมีเอกภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่แก้ปัญหาในปัจจุบันแต่ยังต้องรับมือกับขนาดของปัญหาและความต้องการในอนาคตด้วย
ในโอกาสการแถลงข่าวผลการดำเนินงาน 40 ปี ของการเคหะแห่งชาติ ยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ “ชีวิตและโฉมหน้าพัฒนาเมือง ปี 2556” โดย 4 ผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์(Prof.Dr.Suchatvee Suwansawat) ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล(Mr. Yongsit Rojsrikul) ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดร.เกรียงพล พัฒนรัฐ(Dr.Kriangphol Phattanarath) ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร และผศ.ดร.พนิต ภู่จินดา(Asst. Prof. Panit Pujinda) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นการโหมโรงก่อนที่การเคหะแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาวิชาการนานาชาติและนิทรรศการครั้งใหญ่ เรื่อง“กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมืองของประเทศไทย” ” (New Paradigm of Housing and Urban Development in Thailand) ในวันที่ 11 — 13 มีนาคม 2556 ณ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยมี 15 ผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศร่วมถกประเด็น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทย ผู้สนใจไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักวางแผนนักสิ่งแวดล้อม วิศวกร สถาปนิก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยและประชาชน สามารถเข้าร่วมงานดังกล่าวฟรีโดยลงทะเบียนล่วงหน้าที่ http://dhds.nha.co.th/nha40
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของการเคหะแห่งชาติว่า ตลอดระยะเวลา 40 ปี การเคหะแห่งชาติได้สนองเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ภายใต้วิสัยทัศน์ คือ “เป็นองค์กรหลักที่มั่นคง ทันสมัย ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพัฒนาเมือง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน” จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2555 — 2559 เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานในอนาคต ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 การบริหารจัดการตามแผนพลิกฟื้นองค์กร เพื่อให้องค์กรมีศักยภาพและพร้อมที่จะดำเนินภารกิจต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพสูงสุด ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาที่อยู่อาศัยตามนโยบายรัฐและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สอดคล้องนโยบายรัฐ ตอบสนองความต้องการของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาศักยภาพองค์กร บุคลากร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้องค์กรและบุคลากรมีศักยภาพ มีกระบวนการดำเนินงานขององค์กรที่มีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารและพัฒนาชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัย เพื่อให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถบริหารจัดการชุมชนของตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ 5 เป็นกลไกชี้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพัฒนาเมืองเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาบทบาทขององค์กรให้เป็นกลไกในการกำกับดูแล เป็นการสร้างมาตรฐาน องค์ความรู้ นวัตกรรม และเกิดเสถียรภาพในภาคการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการพัฒนาเมือง
ในวาระที่การเคหะแห่งชาติก่อตั้งครบรอบ 40 ปี ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ได้กำหนดจัดกิจกรรม 8 ด้าน ได้แก่ ด้านการสร้างอัตลักษณ์ มุ่งเน้นการพัฒนาอัตลักษณ์องค์กรให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ด้วยการใช้ธีมสีฟ้าทั้งองค์กร
ด้านวิชาการ เน้นบทบาทความเป็นผู้นำทางด้านวิชาการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน ด้านชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนในหลายมิติ เสริมสร้างการมีส่วนร่วม มุ่งเน้นให้ทุกชุมชนของการเคหะแห่งชาติเป็นชุมชนสีขาว ปลอดยาเสพติด ด้านการก่อสร้าง เป็นผู้นำในการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน ค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้มีองค์ความรู้ด้านการก่อสร้างมากที่สุด ด้านการเผยแพร่ภาพลักษณ์องค์กร เพิ่มช่องทางและความถี่ในการสื่อสารให้สามารถส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการตลาด เพิ่มช่องทางการขายบ้าน เพื่อรองรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย
ชุดที่ 1 และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานขายเพิ่มมากขึ้นด้วยค่าตอบแทนการขาย ด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม (CG/CSR) ส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานใช้หลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน และสร้างเสริมความมีจิตอาสาให้เกิดในผู้ปฏิบัติงาน และ ด้านการสร้างความสัมพันธ์ภายใน มุ่งเน้นให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรักและผูกพันองค์กร
นางอำภา รุ่งปิติ(Mrs. Ampha Roongpiti) รองผู้ว่าการ รักษาการแทน ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษว่า ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 697,817 หน่วย ประกอบด้วย โครงการบ้านเอื้ออาทร 264,767 หน่วย โครงการเคหะชุมชน 141,522 หน่วย โครงการปรับปรุงชุมชนแออัด 233,964 หน่วย โครงการแก้ไขวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ 258 หน่วย โครงการพิเศษและบริการชุมชน 3,980 หน่วย โครงการเคหะข้าราชการ 50,107 หน่วย โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ 845 หน่วย และโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏฯ 2,374 หน่วย (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2555)
ทั้งนี้ โครงการบ้านเอื้ออาทร ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 283 โครงการ จำนวน 264,767 หน่วย อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 33 โครงการ จำนวน 16,783 หน่วย และอยู่ระหว่างปรับเพิ่มบางโครงการตามความต้องการของตลาด จำนวน 6 หน่วย (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2555) ซึ่งในปี 2555 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติมียอดขายพร้อมส่งมอบบ้านเอื้ออาทรจำนวน 35,762 หน่วย คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 4.12 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้มียอดขายคงเหลือ ณ เดือนกันยายน 2555 เท่ากับ 27,732 หน่วย โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2556 (ตุลาคม — ธันวาคม 2555) มียอดขายบ้านเอื้ออาทรรวมแล้วทั้งสิ้น 3,552 หน่วย คาดว่าตลอดปี 2556 จะสามารถผลักดันยอดขายพร้อมส่งมอบได้ราว 35,000 หน่วย
นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังมีแผนดำเนินการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ภายใต้แผนพลิกฟื้นองค์กรปี 2556 — 2559 ขณะนี้ได้เสนอรายละเอียดโครงการต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาแล้ว รวมทั้งสิ้น 78 โครงการ ประมาณ 50,000 หน่วย สำหรับปีงบประมาณ 2556 — 2557 ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการประมาณ 20,000 หน่วย อาทิ โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน รายได้น้อยถึงปานกลาง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดนครราชสีมา (ปากช่อง) จังหวัดชลบุรี (กุฎโง้ง) จังหวัดนนทบุรี (วัดกู้ 3) ลาดกระบัง 2 และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ จังหวัดชลบุรี (นาจอมเทียน) จังหวัดอุดรธานี (สามพร้าว) และจังหวัดเชียงใหม่(สันกำแพง) เป็นต้น
สำหรับโครงการตามนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติเร่งดำเนินการ ได้แก่ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อย้ายอาคารสิ่งกีดขวางตามคูคลอง โดยจัดทำฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ (GIS) อาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคูคลองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่รองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผนป้องกันน้ำท่วมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้การเคหะแห่งชาติจัดสร้างที่อยู่อาศัยรองรับ พร้อมทั้งจัดตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และการเคหะแห่งชาติ เพื่อพิจารณาความพร้อมของประชาชนและพื้นที่เป้าหมายโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและแหล่งงานบริเวณพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit Oriented Development: TOD) เพื่อบูรณาการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนไปพร้อมกับที่อยู่อาศัยและแหล่งงาน การเคหะแห่งชาติจึงได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามเส้นทางรถไฟฟ้ารองรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ของการเคหะแห่งชาติตามเส้นทางรถไฟฟ้า 10 สาย ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในเบื้องต้นมีโครงการนำร่องที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อการพัฒนาเป็นแผนเร่งด่วน 3 โครงการ ประกอบด้วย การพัฒนาที่อยู่อาศัยพื้นที่จุดจอดแล้วจร (Park & Ride) สายสีม่วง บางใหญ่ —บางซื่อและโรงจอด — ซ่อมบำรุง (Depot) บางไผ่ การพัฒนาที่อยู่อาศัยพื้นที่จุดจอดแล้วจร (Park & Ride) สายสีชมพู แคราย — มีนบุรี และการพัฒนาที่อยู่อาศัยพื้นที่จุดจอดแล้วจร (Park & Ride) สายสีเขียว ลำลูกกา — สมุทรปราการ
ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ขณะนี้ได้ดำเนินการปรับผังแม่บทโครงการจากเดิมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2543 บนพื้นที่ประมาณ 120 ไร่ โดยการเคหะแห่งชาติจะนำพื้นที่แปลงที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานเคหะชุมชนดินแดง 1 บริเวณหัวมุมถนนดินแดง — วิภาวดีฯ มาพัฒนาเป็นโครงการหารายได้ตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 เพื่อให้เป็นโครงการนำร่องในการพัฒนาพื้นที่ตามโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง โดยจะจัดสร้างเป็นโครงการพักอาศัย “วิภาวดีกรีนเพลส” สูง 22 ชั้น จำนวน 280 หน่วย สำหรับการพัฒนาในพื้นที่แปลงอื่น การเคหะแห่งชาติจะดำเนินการตามกระบวนการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยเป็นสำคัญ
นอกเหนือจากผลงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว การเคหะแห่งชาติยังมีผลงานด้านวิชาการ อาทิ โครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน (Eco-village) เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงมีนโยบายที่จะสร้างและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต นำมาซึ่งการดำเนินงานวิจัยและได้สรุปผลการศึกษาภายใต้โครงการดังกล่าว จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการศึกษาวิจัยเกณฑ์การทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการประเมินโครงการสำหรับโครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน (Eco-village),โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน (Eco-village),โครงการพลังงานทดแทน ประเภทพลังงานหมุนเวียน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับระบบบำบัดน้ำเสียในโครงการของการเคหะแห่งชาติ และโครงการศึกษาวิจัยระบบบริหารพัฒนาชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน ตลอดจนดำเนินการศึกษาวิจัยโครงการบ้านประหยัดพลังงานต้นทุนต่ำ เพื่อการอยู่อาศัยในภาวะโลกร้อน โดยก่อสร้างบ้านต้นแบบที่สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ใต้ถุนโล่ง สูง 2.80 เมตร คำนึงถึงการอยู่อาศัยในยามเกิดอุทกภัย ชั้นบนของอาคารแบ่งเป็น ห้องนอน 2 ห้อง ห้องพักผ่อนหรือห้องทำงาน ห้องครัวและห้องน้ำ รวมพื้นที่ใช้สอยประมาณ 120 ตารางเมตร การก่อสร้างคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม ตลอดจนความสอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การเคหะแห่งชาติยังดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม จึงได้จัดทำโครงการปรับปรุง ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ ภายใต้โครงการ “บ้านสบายเพื่อยายตา” ตั้งแต่ปี 2553-2555 มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุ โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ที่ผ่านมาได้ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบ รวมทั้งสิ้น 30 หลัง ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและเชียงใหม่ สำหรับปี 2556 จะต่อยอดสู่ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ 40 หลัง ฉลอง 40 ปี ได้แก่ ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคกลางที่จังหวัดเพชรบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอำนาจเจริญ ภาคตะวันออกที่จังหวัดระยอง และภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา
พร้อมกันนี้ ได้ดึง 9 สถาบันการศึกษาชั้นนำ ร่วมพัฒนาชุมชนที่อยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ ด้วยการให้บริการและคำแนะนำเชิงช่างตามความต้องของชุมชน ภายใต้ “โครงการช่างอาสาเพื่อพัฒนาชุมชน” เพื่อให้เกิดความร่วมมือในลักษณะภาคีเครือข่ายด้านการให้บริการและการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับงานช่างชุมชน ทั้งช่างไฟฟ้า เครื่องยนต์ เครื่องปรับอากาศ และก่อสร้าง โดยในเบื้องต้นจะร่วมกันลงพื้นที่เพื่อสอบถามความต้องการของแต่ละชุมชน ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้คัดเลือกไว้ประมาณ 29 ชุมชน เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานร่วมกัน
สำหรับงานสัมมนาวิชาการนานาชาติและนิทรรศการครั้งใหญ่ “กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมืองของประเทศไทย” (New Paradigm of Housing and Urban Development in Thailand) ในวันที่ 11 — 13 มีนาคม 2556 ณ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยมี 15 ผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศร่วมถกประเด็น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทย ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานดังกล่าวฟรี” โดยลงทะเบียนล่วงหน้าที่ http://dhds.nha.co.th/nha40