กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ (RGR078A, RGR10DA) ของ บริษัท รอยัลการ์เด้น รีซอร์ท จำกัด (มหาชน) ในระดับเดิมที่ “A-” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยหุ้นกู้ชุดใหม่ดังกล่าวมีอายุ 2 ปี 11 เดือน และ 24 วัน และมีเงื่อนไขในการจ่ายดอกเบี้ยทุกครึ่งปีพร้อมทั้งจ่ายคืนเงินต้นงวดเดียว ณ วันครบกำหนด อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและประสบการณ์ของคณะผู้บริหารของบริษัทและบริษัทลูก คือ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วน รวมทั้งการมีโรงแรมที่กระจายตัวอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ และการเป็นผู้นำในตลาดอาหารบริการด่วนของบริษัทเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่ธุรกิจโรงแรมมีลักษณะเป็นวงจรซึ่งขึ้นกับฤดูกาล และถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย รวมทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรงและอัตรากำไรที่ต่ำของธุรกิจอาหารบริการด่วน
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังยืนยันแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทที่ “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งคาดการณ์ว่าการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงในระยะปานกลางเนื่องจากเงินทุนจากการดำเนินงานไม่เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2547 ทั้งนี้ หากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทสามารถปรับปรุงอัตราส่วนภาระหนี้ต่อโครงสร้างเงินทุนให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตหรือเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในอนาคต
ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่า บริษัทรอยัลการ์เด้น รีซอร์ท จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ทั้งหมดในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้ที่บริษัทนำไปใช้ซื้อหุ้นของ บริษัท รอยัล การ์เด้น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผ่าน บริษัท อาร์จีอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อเดือนตุลาคม 2547 ซึ่งบริษัทรอยัล การ์เด้น ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นเจ้าของโรงแรม เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา ทั้งนี้ หลังจากการซื้อหุ้นดังกล่าวแล้ว บริษัทรอยัลการ์เด้น รีซอร์ท จะเป็นผู้ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วน 86.5% ในบริษัทรอยัล การ์เด้น ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทดังกล่าวมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเริ่มดำเนินกิจการเมื่อปลายปี 2544 โดยรายได้ต่อจำนวนห้องที่มีอยู่ (RevPAR) เพิ่มจาก 1,907 บาทในปี 2545 เป็น 2,708 บาทในปี 2546 และ 3,401 บาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2547 ทริสเรทต้งกล่าว--จบ--