บอร์ดตลท. อนุมัติ ซื้อขายหลักทรัพย์ไม่เกิน 5 แสนบาทไม่ต้องวางหลักประกันครบ 10%

ข่าวทั่วไป Thursday November 25, 2004 10:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ตลาดแห่งทรัพย์แห่งประเทศไทย
บอร์ดตลท. อนุมัติ ซื้อขายหลักทรัพย์ไม่เกิน 5 แสนบาทไม่ต้องวางหลักประกันครบ 10% เริ่ม 1 ม.ค. 48 พร้อมยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมตราสารหนี้จากโบรกเกอร์
นางภัทรียา เบญจพลชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 ว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดให้บริษัทสมาชิกเรียกให้ลูกค้าวางทรัพย์สินเป็นหลักประกันก่อนการซื้อหลักทรัพย์ในบัญชีเงินสดในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ โดยได้ผ่อนผันให้บริษัทสมาชิกสามารถกำหนดวงเงินผ่อนผันให้ลูกค้าแต่ละรายเป็นจำนวนไม่เกิน 1,000,000 บาทได้ ซึ่งมีผลตั้งแต่ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2547 เป็นต้นมา และจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2547 นี้นั้น
คณะกรรมการได้มีมติให้บริษัทสมาชิกสามารถผ่อนผันให้ผู้ลงทุนที่ซื้อหลักทรัพย์ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท วางหลักประกันไม่ครบร้อยละ 10 ของวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ได้ โดยให้มีผลใช้บังคับ
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
นางภัทรียา กล่าวว่า “การผ่อนผันวงเงินดังกล่าวจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนที่มีวงเงินซื้อขายต่ำกว่า 500,000 บาท ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณร้อยละ 50 รวมทั้ง ผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนในตลาดทุนได้สะดวกและคล่องตัวมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทสมาชิกจะต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาผ่อนผันให้แก่ลูกค้าของบริษัทตามที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสมด้วย
การผ่อนผันวงเงินในครั้งนี้ ยังคงวัตถุประสงค์ของการควบคุมความเสี่ยงของบริษัทสมาชิก และเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ และยังเป็นการส่งเสริมและเอื้ออำนวยให้ผู้ลงทุนรายบุคคลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อนการบังคับใช้ต่อไป”
นางภัทรียากล่าวด้วยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้มีมติอนุมัติให้ขยายเวลายกเว้นการเก็บ ค่าธรรมเนียมการซื้อขายตราสารหนี้จากบริษัทสมาชิกในอัตราร้อยละ 0.005 ของมูลค่าการซื้อขาย รวมทั้ง ยกเว้นค่าบริการรายเดือน สำหรับบริษัทสมาชิกที่ใช้เฉพาะบริการ Back office ด้านตราสารหนี้ของศูนย์บริการปฏิบัติการหลักทรัพย์หรือ Back Office Service Bureau (BSB) แต่ไม่ได้ใช้บริการด้านตราสารทุน ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2547 นี้ ให้ขยายออกไปจนถึงธันวาคม 2548 ทั้งนี้ เพื่อลดข้อติดขัดในการทำธุรกรรมการซื้อขายของบริษัทสมาชิก และเพื่อลดต้นทุนของผู้ลงทุนผ่านตลาดตราสารหนี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้อนุมัติให้เพิ่มวิธีการชำระราคาและส่งมอบของการซื้อขายตราสารหนี้แบบ Gross Settlement หรือการชำระราคาแบบแยกรายการซื้อขาย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่จะเลือกวิธีชำระราคาและส่งมอบเพิ่มเติมจากแบบ Net Settlement ที่มีอยู่เดิมได้
“ธุรกรรมที่เลือกการส่งมอบและชำระราคาแบบแยกรายการหรือ Gross Settlement นั้น สามารถเลือกวันส่งมอบและชำระราคาได้ภายใน 2 วัน หรือน้อยกว่า 2 วันได้ โดยให้สิทธิสำหรับผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Put through (วิธีการซื้อขายแบบแจ้งรายการที่มีการตกลงซื้อขายระหว่างนายหน้าผู้ซื้อและนายหน้าผู้ขายแล้วเข้าสู่ระบบ) เข้ามายังระบบซื้อขายของตลาดตราสารหนี้ หรือ Bond Electronic Exchange (BEX) หรือสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านบาทหรือ 10,000 หน่วยขึ้นไป ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการชำระราคาแบบ Gross Settlement สำหรับพันธบัตรรัฐบาลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้ในปัจจุบัน” รองผู้จัดการกล่าว
นางภัทรียากล่าวเสริมด้วยว่า “ปัจจุบันตลาดตราสารหนี้ (BEX) ได้ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอ ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ในการรับตราสารหนี้เข้าจดทะเบียน จนถึงเดือนธันวาคม 2548 คณะกรรมการจึงเห็นว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมการซื้อขายตราสารหนี้ และค่าธรรมเนียมรายเดือนแก่บริษัทสมาชิกดังกล่าว จะสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้ง ยังเป็นการสนับสนุนให้มีธุรกรรมการซื้อขายผ่านตลาดตราสารหนี้มากขึ้นด้วย”--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ