กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ก.ล.ต.
วันนี้ Securities and Futures Commission, Hong Kong (SFC Hong Kong) โดย Mr. Andrew Sheng, Chairman และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตนา (letter of intent : LOI) ที่จะยอมรับมาตรฐานและกฎเกณฑ์ของทั้งสองประเทศ (mutual recognition) โดยมีเป้าหมายให้กองทุนรวมของทั้งสองประเทศ สามารถเสนอขายหน่วยลงทุนแก่ผู้ลงทุนของกันและกันได้อย่างสะดวก (mutual fund passport) ซึ่งจะเป็นการเตรียมพร้อมให้ผู้ลงทุนทั้งสองประเทศสามารถกระจายการลงทุนไปต่างประเทศได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นอีกด้วย
สำหรับความร่วมมือตาม LOI ฉบับนี้ SFC Hong Kong และ ก.ล.ต. มุ่งที่จะสนับสนุนให้สินค้าทางการเงินของประเทศหนึ่งสามารถเสนอขายในอีกประเทศได้อย่างสะดวก ภายใต้มาตรฐานการกำกับดูแลที่เป็นที่ยอมรับระหว่างกัน โดยจะเริ่มจากหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเป็นลำดับแรก ในเบื้องต้นจะได้มีการพิจารณาปรับปรุงกรอบการกำกับดูแลกองทุนรวมของทั้งสองประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้ง ทบทวนกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการเสนอขายหน่วยลงทุนข้ามประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของทั้งสององค์กรมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2547 เพื่อประสานงานร่วมกัน
ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตาม LOI นี้
Mr. Andrew Sheng, Chairman SFC Hong Kong กล่าวว่า “ SFC Hong Kong มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพของตลาดการเงินในภูมิภาคเอเชีย การลงนามใน LOI ระหว่าง ก.ล.ต.ไทย และ SFC Hong Kong ครั้งนี้ แสดงถึงความตั้งใจที่จะร่วมกันพัฒนาการกำกับดูแลตลาดทุนของทั้งสองประเทศให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับ IOSCO Objectives and Principles of Securities Regulation โดยมีเป้าหมายหลักคือ การเปิดโอกาสให้มีการระดมทุนและลงทุนในสินค้าทาง
การเงินข้ามประเทศ (cross border trading) ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพันธบัตร
ในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย”
“ ในฐานะองค์กรกำกับดูแลตลาดทุนของประเทศ ทั้ง ก.ล.ต.ไทย และ SFC Hong Kong จะร่วมกันขจัดปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนข้ามประเทศ แต่ในขณะเดียวกันยังคง
คำนึงถึงการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ลงทุนทั้งสองประเทศเป็นสำคัญ ”
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ LOI ที่ได้ลงนามในวันนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศไทยในการก้าวไปสู่การร่วมมือกันพัฒนาตลาดทุนในภูมิภาคเอเชีย นับจากนี้ SFC Hong Kong และ ก.ล.ต. ก็จะได้ร่วมศึกษากระบวนการทำงานของแต่ละองค์กร เพื่อที่จะเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่ความร่วมมือและความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ด้วยความ ร่วมมือที่ใกล้ชิดและการยอมรับในมาตรฐานการกำกับดูแลระหว่างกัน จะเป็นผลให้ทั้งประเทศไทยและ ฮ่องกงสามารถเปิดการซื้อขายหน่วยลงทุนข้ามชาติได้สำเร็จในที่สุด ”
“ ประโยชน์ในด้านเพิ่มกำลังซื้อให้แก่หลักทรัพย์ของไทยนั้น สำหรับผู้ลงทุนรายย่อยของฮ่องกง ที่ประสงค์จะซื้อหุ้นไทยในรูปแบบกองทุนรวม ทางเลือกขณะนี้คือ ต้องซื้อกองทุนรวมที่จัดตั้งในฮ่องกงเท่านั้น แต่ในอนาคต หากร่วมมือกันได้ จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของไทยสามารถจัดตั้งกองทุนรวมในไทย เพื่อเสนอขายแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในฮ่องกงได้โดยตรง ”
“ ส่วนการที่จะอนุญาตให้ผู้ลงทุนไทยไปซื้อกองทุนรวมของฮ่องกงนั้น มิใช่จะเปิดเสรีในทันที แต่จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย ก.ล.ต. จะหารือธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อกำหนดวงเงินคุมสำหรับแต่ละปี ที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ”--จบ--