กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--ไทยยามาฮ่ามอเตอร์
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ชูกลยุทธ์หลัก Do>>Innovative รุกตลาดต่อเนื่อง วางเป้าหมายเติบโตเพิ่มขึ้น 12% ผ่านกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การตลาด และกลยุทธ์เครือข่าย 3S ด้านการขาย (Sales) การบริการ (Service) และอะไหล่ (Spare Part) ประกาศสร้างยอดขายเพิ่มจากเดิม 4.9 แสนคัน เป็น 5.5 แสนคัน และตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นอย่างน้อย 25%
นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ยามาฮ่า กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2012 มีอัตราการเติบโต 6% โดยมียอดจดทะเบียนรวมประมาณ 2.13 ล้านคัน แบ่งเป็นสัดส่วนรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 50% และรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา 50%
ในปี 2012 บริษัทฯ มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่าอยู่ที่ 4.9 แสนคัน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทฯ ในรอบ10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2011
ในขณะที่ปี 2013 นี้ ยามาฮ่าคาดการณ์ว่าความต้องการของตลาดรวมรถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 2.2 ล้านคัน เติบโตขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5.5 แสนคัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 12% เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกพื้นที่ โดยกำหนดนโยบายที่จะทำการตลาดเชิงรุกภายใต้กลยุทธ์ “Do>> Innovative”
สำหรับกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของยามาฮ่าประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1. การเพิ่มสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงเข้าสู่ตลาด ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด ประหยัดน้ำมันและดีไซน์ที่แตกต่างทั้งรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกและรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา ตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 40% สำหรับรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติก และมากกว่า 12% สำหรับรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา ภายในสิ้นปี 2013
2. สร้างสรรค์กิจกรรมภายใต้แคมเปญ “Do>>Innovative” เพื่อเสริมภาพลักษณ์ตราสินค้า ยามาฮ่าอย่างต่อเนื่อง เน้นกิจกรรมการตลาดเชิงไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้งที่สร้างสรรค์และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า
3. ขยายโชว์รูมยามาฮ่าสแควร์ และปรับปรุงศูนย์บริการรูปแบบใหม่ รวมถึงสร้างประสิทธิภาพเครือข่ายด้านการขาย การบริการและอะไหล่ของผู้จำหน่ายแบบครบวงจร
“ในปีนี้บริษัทฯ มีกลยุทธ์การเพิ่มศักยภาพของสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ทุกเซกเมนต์ ทั้งทางด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่มีความทันสมัย โดยเฉพาะจุดเด่นในเรื่องการประหยัดน้ำมันที่ถือเป็นจุดแข็งของยามาฮ่า รวมถึงการพัฒนารูปแบบการดีไซน์ที่ให้ความแตกต่างเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคตามเทรนด์ของปี” นายประพันธ์ กล่าวเสริม
นอกจากนี้ยามาฮ่าพร้อมเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายครอบคลุม ทั่วประเทศโดยการสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดผ่านกลยุทธ์ที่ดำเนินมาต่อเนื่อง อาทิ กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง และกลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง และการจัดกิจกรรมยามาฮ่า คลับ กิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงการส่งเสริมการขายร่วมกับผู้จำหน่ายมากกว่า 4,500 ครั้งต่อปี
สำหรับการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านเครือข่ายบริการ และอะไหล่ (3S) นั้นถือเป็นหัวใจในการสร้างความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งในส่วนของการขายจะมีการเพิ่มเครือข่ายยามาฮ่าสแควร์ (YSQ) เป็นจำนวน 666 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น (Application) รูปแบบใหม่สำหรับใช้กับ Ipad เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้า นอกจากนั้นยังมุ่งขยายตลาดผ่านช่องทางการขายแบบใหม่และการพัฒนาธุรกิจรถจักรยานยนต์มือสองอย่างต่อเนื่อง
ส่วนด้านการบริการหลังการขาย จะมีการปรับปรุงศูนย์บริการรูปแบบใหม่ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น และมีการขยายจำนวนศูนย์ซ่อมบำรุงหัวฉีด (YiS : Yamaha Innovative Service) ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์บริการที่มีอุปกรณ์การตรวจเช็คระบบหัวฉีดที่ทันสมัยที่สุด นอกจากนั้นจะเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านโครงการบริการส่งอะไหล่เร่งด่วนภายใน 48 ชม. การรับประกันคุณภาพอะไหล่แท้และอะไหล่ตกแต่ง รวมถึงการเพิ่มการบริการ Call Center สำหรับอะไหล่ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า สร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้า และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้