สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมั่นใจเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตต่อเนื่องใกล้ปีนี้ ส่วนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระดับที่มั่นคง

ข่าวทั่วไป Thursday November 25, 2004 14:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--กระทรวงการคลัง
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2548 ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 6.1 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับการขยายตัวปีนี้ที่ร้อยละ 6.3 ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนขยายตัวถึงร้อยละ 19.7 และ 16.6 ต่อปี ตามลำดับ โดยเฉพาะภาครัฐมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Projects) หลายโครงการ อีกทั้ง การส่งออกสินค้าและบริการที่แท้จริงและการบริโภคภาคเอกชนที่แท้จริงยังขยายตัวได้ดี ส่วนปัจจัยเสี่ยงในปีหน้าประกอบด้วย 1) ปัจจัยภายนอกประเทศที่ไม่สามารถควบคุมได้ ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะชะลอตัว ในส่วนนี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการติดตามและประเมินสถานการณ์ร่วมกันอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และ 2) ปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ โรคไข้หวัดนก และความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประเมินว่ามีผลกระทบทางลบน้อยเนื่องจากรัฐบาลตระหนักดีถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้เร่งออกมาตรการรองรับและชี้แจงให้สาธารณะชนทราบอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง
ด้านการค้าระหว่างประเทศ มูลค่าส่งออกสินค้าอยู่ที่ 102.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 8.6 ต่อปี สินค้าที่มีการส่งออกเป็นมูลค่าสูง ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรมในหมวดเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนมูลค่านำเข้าสินค้าอยู่ที่ 105.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 12.5 ต่อปี สินค้าที่มีการนำเข้าเป็นมูลค่าสูง ได้แก่ สินค้าทุน วัตถุดิบ และน้ำมัน ส่งผลให้ขาดดุลการค้าประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นแนวโน้มปกติของประเทศกำลังพัฒนาที่มีการนำเข้าสินค้าทุนและน้ำมันเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต
ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทั้งภายนอกและภายในยังอยู่ในระดับมั่นคงดี แม้ว่าดุลการค้าจะขาดดุล 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังเกินดุล 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 2.1 ของ GDP เพราะดุลบริการยังคงเกินดุลเป็นมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นปี 2548 คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงถึง 46.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 5.7 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น หรือ 5.3 เดือนของมูลค่าการนำเข้าเฉลี่ยต่อเดือน ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี ปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นในปี 2548 ได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบที่นำเข้ายังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 2547 2) รัฐบาลจะยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันดีเซลขายปลีก ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2548 (ตามตารางแนบที่ 1)
อนึ่ง เศรษฐกิจไทยในปี 2548 ยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่าร้อยละ 6 ต่อปี ซึ่งประกอบด้วย จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย (ตามตารางแนบที่ 2) อีกทั้ง ผลการประมาณการดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับการประมาณการของหน่วยงานเศรษฐกิจหลักอื่นๆ (ตามตารางแนบที่ 3) และอยู่บนพื้นฐานของนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนแล้วในปัจจุบัน โดยในอนาคต หากรัฐบาลมีนโยบายอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นอีกได้
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเสริมว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2547 นั้น คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6.3 ต่อปี ทั้งนี้ ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในปี 2547 ได้แก่ การส่งออกสินค้าและบริการที่แท้จริง ซึ่งขยายตัวสูงถึงร้อยละ 17.8 ต่อปี ด้านการค้าระหว่างประเทศ คาดว่า มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 94.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 20.3 ต่อปี ส่วนมูลค่านำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 93.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 26.1 ต่อปี ส่งผลให้เกินดุลการค้าประมาณ 0.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทั้งภายนอกและภายในยังอยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคง ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 3.9 ของ GDP ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นปี 2547 คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 45.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 5.0 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น หรือ 5.9 เดือนของมูลค่าการนำเข้าเฉลี่ยต่อเดือน ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ต่อปี ปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่นำเข้ามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและการที่รัฐบาลยกเลิกการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2547--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ