กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2556 อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการเติบโตที่สม่ำเสมอของปริมาณการจราจรบนทางด่วนของบริษัทซึ่งเป็นทางด่วนเพียงระบบเดียวที่เชื่อมต่อกับระบบทางด่วนขั้นที่ 1 หรือทางพิเศษเฉลิมมหานคร การมีกระแสเงินสดที่แน่นอนและมีคณะผู้บริหารที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐด้านระบบการขนส่งในอนาคต การแทรกแซงของรัฐในการปรับอัตราค่าผ่านทาง และการลงทุนขนาดใหญ่ในสัมปทานทางด่วนใหม่ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะสำรองเป็นสภาพคล่องของบริษัททริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะระมัดระวังการจ่ายเงินปันผลและจัดการโครงสร้างเงินทุนของบริษัทโดยเฉพาะในช่วงการลงทุน เพื่อที่จะรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทเอาไว้ ทั้งนี้ การลงทุนกับบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันต้องได้การพิจารณาอย่างรอบคอบและไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัท
บริษัททางด่วนกรุงเทพเป็นผู้ก่อสร้างและบริหารโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือโครงการทางพิเศษศรีรัชและโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) หรือทางด่วนส่วน C+ โดยได้รับสัมปทานในระบบ Build-Transfer-Operate (BTO) ระยะเวลา 30 ปีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนต่อขยายของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และทางด่วนส่วน C+ จะหมดอายุในปี 2563 ปี 2570 และปี 2569 ตามลำดับ ทั้งนี้ ทางด่วนขั้นที่ 2 นั้นเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ซึ่งก่อสร้างและบริหารโครงการโดย กทพ. จึงเป็นโครงข่ายถนนที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนเมื่อการจราจรบนถนนปกติในใจกลางกรุงเทพฯ และชานเมืองมีปัญหาติดขัด บริษัทมีการแบ่งรายได้ให้กับ กทพ. ในเขตเมืองสำหรับทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วน A และ B) และยังได้รับส่วนแบ่งรายได้ในส่วนทางด่วนขั้นที่ 1 ด้วย สำหรับในเขตนอกเมือง ส่วน D, C และ C+ นั้นบริษัทไม่ต้องแบ่งรายได้กับ กทพ. โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นไป สัดส่วนการแบ่งรายได้ระหว่างบริษัทกับ กทพ. ได้เปลี่ยนจาก 50:50 เป็น 40% ให้แก่บริษัท และ 60% ให้แก่ กทพ. การปรับสัดส่วนรายได้ดังกล่าวมีผลทำให้รายได้ค่าผ่านทางโดยเฉลี่ยต่อวันของบริษัทในปี 2554 ลดลง 6.4% ในขณะที่ปริมาณจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 5.2% อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าผ่านทางโดยเฉลี่ยต่อวันในปี 2555 ได้กลับมาอยู่ที่ระดับเดิมก่อนมีการปรับสัดส่วนการแบ่งรายได้ที่ 21.1 ล้านบาท
ปริมาณการจราจรบนทางด่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการโดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3.7% ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (2544-2554) ในปี 2555 ปริมาณจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1,084,576 เที่ยว ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณจราจรในเขตนอกเมืองเป็นหลัก ทริสเรทติ้งคาดว่าในระยะปานกลางปริมาณจราจรบนทางด่วนจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปอันเป็นผลจากเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยไปยังเขตปริมณฑล
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมีรายได้ค่าผ่านทาง 5,751 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการปรับตัวที่ดีขึ้นนี้เป็นผลมาจากปริมาณจราจรบนทางด่วนที่เพิ่มสูงขึ้น 5.8% โดยเฉพาะในเขตนอกเมือง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 79.42% เมื่อเทียบกับ 81.16% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเป็นผลมาจากการปรับส่วนแบ่งรายได้และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของค่าเบี้ยประกันภัยและค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าผ่านทาง
ภาระหนี้ของบริษัทลดลงจาก 19,044 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 สู่ระดับ 17,292 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เนื่องจากการชำระหนี้ ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจากระดับ 50.47% ในปี 2554 เป็น 45.67% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 กระแสเงินสดของบริษัทอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 4,603 ล้านบาทในปี 2554 และ 3,367 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ส่วนอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 24.17% ในปี 2554 และ 19.47% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางโดยเป็นผลมาจากการลงทุนใน บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) และการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ส่วน B+) โดยโครงการส่วน B+ นั้นมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้จะเป็นกระแสเงินสดภายในบริษัทและเงินกู้ยืม ปัจจุบันบริษัทได้มีการลงนามสัญญาเงินกู้จากธนาคารเพื่อใช้ในการลงทุนบางส่วนของโครงการดังกล่าวแล้ว โดยการก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการในปี 2556 และจะแล้วเสร็จในปี 2559
บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BECL139A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A
BECL13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A
BECL144A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
BECL148A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
BECL153A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
BECL155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
BECL16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL214A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2563 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable