กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--มหาวิทยาลัยแม่โจ้
“ขยัน อดทน สู้งาน มีคุณธรรมและจริยธรรม และพร้อมพัฒนางานตลอดเวลา” คุณสมบัติเด่นของบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ผู้ประกอบการพึงพอใจและพร้อมจะอ้าแขนรับบัณฑิตแม่โจ้เข้าทำงาน ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์ของบัณฑิตแม่โจ้ที่จบออกไปรับใช้สังคมและประเทศชาติเป็นจำนวนมาก รุ่นแล้ว รุ่นเล่า
จากผลสำรวจของงานวิจัยสถาบัน กองแผนงาน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ประกอบการ และภาวะการมีงานทำของบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประจำปีการศึกษา 2554 ได้สำรวจจากบัณฑิตระดับปริญญาตรี ที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ครั้งที่ 35 ประจำปีการศึกษา 2554 ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 นี้ ซึ่งมีจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมด 4773 คน และมีผู้กรอกแบบสอบถาม จำนวน 4274 คน คิดเป็น 89.55% ของบัณฑิตทั้งหมดจาก 10 คณะ 1 วิทยาลัย 2 วิทยาเขต สรุปได้ดังนี้
บัณฑิตที่ทำงานแล้วประมาณ 75.55 % ศึกษาต่อประมาณ 3.46 % ส่วนที่ยังไม่ได้ทำงานและไม่ศึกษาต่อ 20.99 % โดยส่วนใหญ่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทและองค์การธุรกิจเอกชน ประมาณ 51.84 % , รองลงมาจะทำงานราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ประมาณ 29.10 % ,ดำเนินธุรกิจอิสระหรือเป็นเจ้าของกิจการ 7.68% ,ทำงานรัฐวิสาหกิจ 3.28 % , เป็นพนักงานองค์การต่างประเทศหรือระหว่างประเทศ 0.28% และประกอบอาชีพอื่นๆ อีก 7.82 % โดยภาพรวมแล้วบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ทำงานตรงกับสาขาหรือในสาขาที่เกี่ยวข้อง 70.39 % และทำงานไม่ตรงกับสาขาหรือไม่เกี่ยวข้องกับที่เรียนมา 29.61 % ชี้ให้เห็นว่าบัณฑิตแม่โจ้สามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองในการทำงานได้เป็นอย่างดี และจากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้ประกอบการนั้นทางผู้ประกอบการพึงพอใจบัณฑิตของแม่โจ้มากด้วยคุณสมบัติและบุคลิกที่เป็นคนขยัน อดทน สู้งาน มีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นนักปฏิบัติชั้นยอดที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองและพัฒนางานอยู่เสมอ
อาจารย์รชฏ เชื้อวิโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ฝากถึงบัณฑิตแม่โจ้ว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตทุกท่านกับความสำเร็จครั้งนี้ และจากเสียงตอบรับของผู้ประกอบการ และองค์กรต่างๆ ซึ่งประทับใจในตัวบัณฑิตแม่โจ้ที่มีความขยัน อดทน สู้งาน สามัคคี ก็ขอให้บัณฑิตทุกท่านพึงรักษาความดีนี้ไว้ และตั้งใจทำงานทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด” และยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางการศึกษาในอนาคตว่า “แม้ในช่วงนี้คนที่สนใจด้านการเกษตรจะมีน้อยเพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย แต่ภายในระยะเวลา 4-5 ปีข้างหน้าทุกคนต้องหันกลับมามองเกษตรมาเรียนด้านการเกษตรกันเยอะขึ้น เพราะส่งผลกระทบโดยตรงกับอาหาร เพราะเมืองไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของโลกซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากภาคการเกษตร สำหรับคนที่จบปริญญาตรีก็ไม่จำเป็นต้องทำงานในสถานประกอบการ สามารถทำอาชีพทางการเกษตรได้เองเพราะเป็นอาชีพอิสระที่มีความสุข สร้างรายได้ และแม่โจ้เองก็เป็นสถาบันการศึกษาที่มีรากฐานทางด้านการเกษตร สามารถผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพเพื่อไปดูแลเกษตรกร และส่งเสริมด้านเกษตรให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต”