บอร์ดกระจายเสียง/กสทช. แถลงผลการประชุมวันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday February 20, 2013 12:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--กสทช. พ.อ. ดร. นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) แถลงข่าว ผลการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ว่า วันนี้ (วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556) ที่ประชุม กสท. มีมติในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1. ที่ประชุม กสท. มีมติเห็นชอบต่อการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานทางเทคนิคสำหรับเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ในหลักการดังนี้ (1) ให้เครื่องรับโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลสามารถใช้มาตรฐาน ETSI EN 302 755 v.1.2.1 หรือ ETSI EN 302 755 version ที่มีคุณสมบัติดีกว่า ทั้งนี้เนื่องจากมาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องรับโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลซึ่งใช้มาตรฐาน DVB-T2 V.1.3.1 แต่เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายยังไม่มีความพร้อม ทำให้ยังไม่แพร่หลายในท้องตลาด (2) เพิ่มมาตรฐาน EN 55013 สำหรับข้อกำหนดทางเทคนิคด้านความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้าสำหรับเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภาคพื้นดิน (3) เพิ่มเติมข้อกำหนดทางเทคนิคด้านกำลังไฟฟ้าสำหรับเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภาคพื้นดิน ดังนี้ - Set Top Box (On Mode) ค่ากำลังไฟฟ้าไม่เกิน 10 วัตต์ - Set Top Box (Standby Mode) ค่ากำลังไฟฟ้าไม่เกิน 2 วัตต์ - จอโทรทัศน์ (Standby Mode) ค่ากำลังไฟฟ้าไม่เกิน 2 วัตต์ นอกจากนี้ที่ประชุม กสท ยังมีมติว่า ในระหว่างที่ยังมิได้มีการพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีการประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ยังไม่อนุญาตให้มีการผลิตหรือนำเข้าเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลจนกว่า กสท จะเห็นถึงความจำเป็น และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ประชุม กสท เห็นควรกำหนดให้เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลจะต้องผ่านการตรวจสอบรับรองมาตรฐาน และจะต้องได้รับอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าแล้วแต่กรณี 2. ที่ประชุม กสท. มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ สำหรับการประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ปรับแก้ไขมาโดยขั้นตอนต่อจากนี้จะได้มีการนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปตามลำดับ 3. ที่ประชุม กสท. มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ปรับแก้ไขมาโดยขั้นตอนต่อจากนี้จะได้มีการนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปตามลำดับ 4. ที่ประชุม กสท. มีการพิจารณาเกี่ยวกับการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี และเงินรายปีเข้ากองทุนพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะในช่วงการออกอากาศแบบคู่ขนาน (Simulcast) กรณีบริษัท กรุงเทพวิทยุโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7) โดยที่ประชุม กสท. มีมติดังนี้ (1) บริษัท กรุงเทพวิทยุโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด เป็นผู้ได้รับอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาจากกองทัพบกให้ดำเนินการให้สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 อยู่ในวันที่พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ใช้บังคับ จึงมีสิทธิประกอบกิจการต่อไปได้ภายใต้ขอบเขตการได้รับอนุญาตสัมปทานเดิม ตามมาตรา 75 แห่งพ.ร.บ.ดังกล่าวจนกว่าการอนุญาตสัมปทานนั้นจะสิ้นสุดลง โดยบริษัทฯหน้าที่ร่วมกับกองทัพบกในการแจ้งรายละเอียดการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่และเหตุแห่งความจำเป็นในการถือครองคลื่นความถี่ ตามมาตรา 82 และ 83 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งหากบริษัทฯ มีความจำเป้นในการใช้คลื่นความถี่ต่อไป และการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาชอบด้วยกฎหมาย กสทช. ก็จะพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการเพื่อให้บริการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ในระบบอนาล็อก ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ในชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีและส่งเงินรายปีเข้ากองทุนฯ ตามข้อ 17 และข้อ 22 ของประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ประกอบกับประกาศ กสทช. เรื่อง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 อนึ่ง มาตรา 75 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 กำหนดยกเว้นการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้กับบริษัทฯ แต่ต่อมา มาตรา 42 วรรคสาม แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กำหนดให้บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว โดยมิได้รับการยกเว้นอีกต่อไป (2) กรณีการส่งเงินเข้ากองทุนฯ กระทรวงการคลังมีหน้าที่ในการนำส่งเงินร้อยละ 2 ของรายได้ที่กองทัพบกต้องนำส่งกระทรวงการคลังเนื่องจากการอนุญาตสัมปทานให้กับบริษัทฯ จนกว่าการอนุญาตสัมปทานจะสิ้นสุดลง ตามมาตรา 76 แห่งพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งในระหว่างที่บริษัทฯ ยังมิได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ บริษัทฯ จึงยังไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุน (3) กรณีที่บริษัทฯ ประสงค์จะประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลโดยการออกอากศคู่ขนาน (Simulcast) กับการออกอากาศในระบบอนาล็อก ภาระหน้าที่การชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตของบริษัทฯ ทั้งในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ทั้งสองระบบแยกต่างหากจากกัน หรือกรณีที่บริษัทฯ ดำเนินการออกอากาศในระบบอนาล็อกตามสิทธิที่ได้รับอนุญาตสัมปทานอยู่เดิม และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล การชำระค่าธรรมเนียมรายปีและเงินรายปีเข้ากองทุนฯ ของบริษัทฯ จะไม่ซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากบริษัทฯ มีภาระหน้าที่แยกจากกันในแต่ละใบอนุญาต ซึ่งการคำนวณค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีและเงินรายปีเข้ากองทุนฯ จะคำนวณจากรายได้ที่เกิดขึ้นจริงจากการประกอบกิจการตามใบอนุญาตแต่ละฉบับ ทั้งนี้ เป็นไปตามเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ประกอบกับประกาศ กสทช. เรื่อง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) โทรศัพท์ : 0-2271-0151 ต่อ 315 - 317 โทรสาร : 0-2290-5241

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ