กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--สมาคมประกันชีวิตไทย
ธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 55 มีเบี้ยประกันชีวิตเพิ่มสูงถึง 391,358 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 19.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และในปี 2556 คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตจะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 17.3 เบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 459,100 ล้านบาท เนื่องจากได้รับแรงส่งมาจากปี 2555 รวมทั้งปัจจัยสนับสนุนอีกหลายประการ
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า สมาคมคาดว่าแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตไทยในปี 2556 จะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 17.3 เบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 459,100 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ จำนวน 162,100 ล้านบาท อัตราเติบโตร้อยละ 24.2 และเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไป 297,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 13.9 ซึ่งมีอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตร้อยละ 86.4 การเติบโตในอัตราดังกล่าวเนื่องจากปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ การได้รับแรงส่งมาจากปี 2555 และได้รับปัจจัยสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและภาคธุรกิจเอง
ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐประกอบด้วย การสนับสนุนจากกระทรวงการคลังด้านภาษีโดยการอนุญาตให้บุคคลธรรมดาสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้น การสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการปรับปรุงกฎเกณฑ์ในการให้ความเห็นชอบแบบข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งเกี่ยวกับฐานะการเงินของบริษัทประกันชีวิตให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วไป เช่น การปรับปรุงกรอบการดำเนินงานการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital) และการเปิดเผยข้อมูลฐานะทางการเงินของบริษัท (Discloser) ซึ่งทำให้ประชาชนเชื่อถือศรัทธาต่อธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้น เป็นต้น
สำหรับปัจจัยสนับสนุนจากภาคธุรกิจ เช่น เกือบทุกบริษัทต่างมีนโยบายออกแบบ/พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลายเพื่อสนองความต้องการของประชาชนและต่างทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆเพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์และสนใจทำประกันชีวิตกับบริษัทตนมากขึ้น การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายช่องทางและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2556 นี้เกือบทุกบริษัทได้มีนโยบายเพิ่มจำนวนตัวแทนในอัตราสูงและพัฒนาคุณภาพตัวแทนประกันชีวิตให้มีความเป็นเลิศเพื่อจะสามารถแข่งขันระหว่างบริษัทประกันชีวิตด้วยกันและรองรับ AEC ได้ รวมทั้งปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายอื่นๆที่มีหลากหลาย ให้สามารถบริการได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพดียิ่งขึ้น ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจประกันชีวิตไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
จากการที่บริษัทต่างๆมีนโยบายเพิ่มจำนวนตัวแทนประกันชีวิตในปี 2556 เพื่อให้มีผลต่ออัตราการเติบโตของจำนวนเบี้ยประกันชีวิต สมาคมจึงคาดว่าจำนวนผู้สมัครสอบตัวแทนประกันชีวิตทั้งประเทศจะเพิ่มในอัตราสูงมาก เฉพาะที่สมัครสอบที่สมาคมประกันชีวิตไทยจะมีประมาณ 152,800 คน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 10 แต่คาดว่าจะเข้าสอบจริงประมาณ 113,900 คน และคาดว่าจะสอบได้ประมาณ 51,200 คน หรือประมาณร้อยละ 45 ของผู้เข้าสอบ ในขณะที่ปี 2555 ที่ผ่านมามีผู้สมัครสอบกับสมาคมประกันชีวิตไทยทั้งสิ้น 138,878 คน เติบโตร้อยละ 7.6 เข้าสอบจริง 100,636 คน และสอบผ่าน 40,132 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.9 ของผู้เข้าสอบ
นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวต่อไปว่า “สำหรับธุรกิจประกันชีวิตไทยในปี 2555 ที่ผ่านมา เบี้ยประกันชีวิตรวมมีจำนวนเพิ่มสูงถึง 391,358 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตถึงร้อยละ 19.1 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยจำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ จำนวน 130,547.5 ล้านบาท อัตราเติบโตร้อยละ 32.5 และเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไป 260,810.5 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 13.4 ซึ่งมีอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตร้อยละ 88 เบี้ยประกันชีวิตรับในปี 2555 ดังกล่าวได้มาโดยผ่านช่องทางการจำหน่าย 4 รูปแบบ คือ ลำดับแรกการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต 224,671 ล้านบาท มีสัดส่วนมากเป็นอันดับหนึ่งกว่าร้อยละ 57.3 อันดับสองเป็นช่องทางการขายผ่านธนาคารพาณิชย์ หรือ Bancassurance สัดส่วนการขายอยู่ที่ร้อยละ 36.7 มีเบี้ยประกันชีวิตรับ 143,667.7 ล้านบาท อันดับสามเป็นช่องทางการขายผ่านการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ซึ่ง Tele Marketing และขายผ่านไปรษณีย์ได้รวมอยู่ช่องทางจำหน่ายนี้มีสัดส่วนร้อยละ 3.1 เบี้ยประกันชีวิตรับ 12,128.6 ล้านบาท และช่องทางอื่นๆ เช่น อินเตอร์เน็ต ร้านค้าสะดวกซื้อ เป็นต้น อีกร้อยละ 3.0 มีเบี้ยประกันชีวิต 11,583.7 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของการจำหน่ายผ่านแต่ละช่องทางเป็นดังนี้ การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตเติบโตร้อยละ 11.90 การขายผ่านธนาคารเติบโตร้อยละ 34.19 การขายผ่านการตลาดแบบตรงเติบโตร้อยละ 9.39 และการขายผ่านช่องทางอื่นๆเติบโตร้อยละ 2.95 ตามลำดับ”
ทั้งนี้ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายข้อมูลเพื่อการพัฒนาธุรกิจ สมาคมประกันชีวิตไทย โทรศัพท์ 02-679-8080 ต่อ 531