กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา สร้างความปลื้มปิติให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์เป็นล้นพ้น พร้อมเดินเครื่องโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรองรับผลผลิตจากสมาชิก 3,663 ครอบครัว ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกปาล์ม 54,000 ไร่ คุมเข้มเกษตรกรตัดผลปาล์มที่มีผลสุกเต็มที่ เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันสูงและมีคุณภาพ
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา สร้างความปลื้มปิติให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัดเป็นล้นพ้น ซึ่งสหกรณ์แห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2514 มีสมาชิกแรกตั้ง 439 คน หุ้น 19,620 บาท การดำเนินงานเป็นไปตามหลักสหกรณ์ ทำให้สมาชิกมีความกินดีอยู่ดี และมีการเปิดรับสมาชิกเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีสมาชิก 3,663 คน ทุนเรือนหุ้น 97 ล้านบาท ทุนดำเนินงาน 818 ล้านบาท และมีปริมาณธุรกิจรวมมูลค่ากว่า 1,975 ล้านบาท
เนื่องจากพื้นที่อำเภอท่าแซะ ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นเกย์เมื่อปี 2532 ซึ่งแต่เดิมเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกพืชอายุสั้น เช่น ถั่วและสับปะรด เมื่อพายุเกสงบลง ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้าไปจัดที่ดิน 60,000 กว่าไร่ แบ่งเป็นแปลง ๆ ละ 40 กว่าไร่ และได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลให้ปลูกปาล์มน้ำมัน ทำให้ขณะนี้มีการปลูกปาล์มไปแล้วกว่า 54,000 ไร่ ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกมาจำนวนมาก ทางคณะกรรมการสหกรณ์จึงแนวคิดที่จะสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม กำลังการผลิต 45 ตันทะลาย/ชั่วโมง จึงได้ขอกู้เงินจากธกส.และใช้เงินทุนของสหกรณ์ส่วนหนึ่ง เพื่อใช้เป็นงบประมาณในการก่อสร้าง 373 ล้านบาท และขณะนี้สามารถส่งชำระหนี้คืนให้ธกส.ไปแล้ว 43 ล้านบาท
“ สมเด็จพระเทพฯทรงรับสั่งถามด้วยความเป็นห่วงในเรื่องปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะป้อนสู่โรงงานว่า จะมีเพียงพอหรือไม่ กับการเลือกใช้พันธุ์ปาล์มของเกษตรกร ซึ่งได้กราบบังคมทูลถวายรายงานไปว่า ปริมาณผลผลิตของเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูก 54,000 ไร่ เพียงพอกับกำลังการผลิตของโรงงาน ส่วนการส่งเสริมการใช้พันธุ์ปาล์มน้ำมันนั้น ทางกรมวิชาการเกษตรกรได้แนะนำเกษตรกรให้ใช้พันธุ์สุราษฎร์ธานี ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่าเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย และในขณะนี้ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์รับซื้อผลผลิตจากสมาชิกในราคากิโลกรัมละ 4.10-4.90 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาประกันและโรงงานของเอกชน ส่วนค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นน้ำมันปาล์มของสหกรณ์อยู่ที่ระดับ 18 — 18.5 % ขณะที่โรงงานเอกชนมีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์น้ำมันอยู่ที่ปริมาณ 13-15% เท่านั้น ซึ่งการที่น้ำมันปาล์มของสหกรณ์ที่สกัดได้มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าโรงงานทั่วไป เนื่องจากทางสหกรณ์มีการควบคุมการตัดปาล์มน้ำมันของเกษตรกร โดยให้ตัดเฉพาะที่มีผลสุกแก่เต็มที่เพราะจะส่งผลต่อเปอร์เซ็นน้ำมันที่ได้หลังผ่านการสกัด ทำให้ได้คุณภาพน้ำมันก็ดีกว่า และจะมีการเปิดประมูลน้ำมันปาล์มที่หน้าโรงงานเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งจะมีบริษัทเอกชนผู้จำหน่ายน้ำมันพืชรายใหญ่ ๆ เข้ามาเสนอราคา ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นข้อดีของการวางระบบบริหารจัดการของสหกรณ์ ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพและสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จะช่วยรองรับผลผลิตของสมาชิกและสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพปลูกปาล์มน้ำมันให้แก่เกษตรกรได้อย่างยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว