กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--WWF ประเทศไทย
WWF ประเทศไทย และ TRAFFIC ร่วมจัดกิจกรรมพิเศษกลางกรุงเทพฯ รณรงค์ชวนคนไทยลงชื่อหยุดการค้างาช้างในประเทศไทย ในกิจกรรม “ไถ่ชีวิตช้างด้วยชื่อ ช่วยช้างแอฟริกา หยุดค้างาช้างในไทย” พร้อมสร้างความตระหนักถึงสถานการณ์การฆ่าช้างแอฟริกาเพื่อเอางา
ปัจจุบัน สถานการณ์การฆ่าช้างเข้าขั้นวิกฤต ช้างป่าและช้างในทุ่งสะวันนาในทวีปแอฟริกาถูกฆ่าเพื่อเอางาทุกวัน รวมปีละหลายหมื่นตัว เนื่องจากความต้องการซื้องามีสูงมากโดยเฉพาะในตลาดเอเชีย และประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดค้างาช้างที่ไม่มีการควบคุมแหล่งใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก
แม้ว่าการค้างาช้างระหว่างประเทศไม่ว่าจะช้างแอฟริกาหรือช้างเอเชียจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่กฎหมายไทยอนุญาตให้ค้างาช้างบ้านได้ ดังนั้น จึงมีการลักลอบนำงาช้างแอฟริกาจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทยและสวมรอยเป็นงาช้างไทยเพื่อจำหน่ายตามร้านค้าภายในประเทศ การจะยุติการฆ่าช้างแอฟริกาอย่างเด็ดขาดนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องช่วยปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย
จันทร์ปาย องค์ศิริวิทยา ผู้จัดการงานรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า WWF ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพยายามในการควบคุมการลักลอบค้าสัตว์ป่า แต่ตลาดการค้างาช้างมีความซับซ้อนและยากที่จะควบคุมได้ในทางปฏิบัติ การจะหยุดปัญหานี้อย่างจริงจังจึงจำเป็นต้องมีการยกเลิกการค้างาช้างในประเทศไทย ขณะนี้ WWF ประเทศไทย คนไทย และคนทั่วโลกกำลังร่วมมือกันเรียกร้องให้ประเทศไทยยกเลิกการค้างาช้าง โดยขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้แล้วมากกว่า 400,000 ชื่อ และจะยื่นพร้อมจดหมายต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องให้ยุติการค้างาช้างในประเทศไทยในทันทีก่อนหน้าการประชุมภาคีสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
กิจกรรม “ไถ่ชีวิตช้างด้วยชื่อ ช่วยช้างแอฟริกา หยุดค้างาช้างในไทย” จัดขึ้นที่ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีการจัดทำช้างกระดาษขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นหรือ โอริกามิ ผู้ที่สนใจร่วมลงชื่อไถ่ชีวิตช้าง ช่วยช้างแอฟริกาและหยุดค้างาช้างในประเทศไทย สามารถร่วมกิจกรรมเรียนพับกระดาษเป็นรูปช้างได้ในงาน
“ความต้องการซื้อเครื่องประดับที่ทำจากงาช้างเป็นสาเหตุที่ทำให้ช้างสูญพันธุ์ได้ในแอฟริกา และช้างในประเทศไทยอาจต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันในอนาคตได้ทุกเมื่อ ทุกชื่อ ทุกเสียงของทุกคนที่ร่วมกันหยุดค้างาช้างในครั้งนี้ จึงเป็นพลังที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะหยุดการสังหารและป้องกันไม่ให้ช้างซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของคนไทยสูญพันธุ์” จันทร์ปายกล่าว
ในงานนี้ ได้รับความสนใจจากผู้มีชื่อเสียงมากมายมาร่วมแสดงเจตจำนงค์ในการสนับสนุนการรณรงค์ อาทิ วารินท์ สัจเดว, น้ำผึ้ง ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์, วัชรบูล ลี้สุวรรณ, และ เอ้ก บุษกร ตันติภนา นอกจากนี้นักอนุรักษ์ผู้มีชื่อเสียง อาทิ ไกรศักดิ์ ชุณหวัณ อดีตวุฒิสมาชิก และโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง ยังให้เกียรติมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างและภัยคุกคามจากค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ตลอดจนมีการฉายวิดีโองานรณรงค์ที่จัดทำโดย WWF และ TRAFFIC ที่รวบรวมความเห็นและคำเชิญชวนให้คนไทยร่วมต่อต้านการค้างาช้าง ของศิลปินดังมากมาย ได้แก่ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ, สแตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข, อั๊ต อัษฎา พานิชกุล, นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, ศิลปินวงแทตทูคัลเลอร์, ดาร์ลิ่ง อารดา และ กั้ง กามิกาเซ่
ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ผู้แทนรัฐบาล 177 ประเทศทั่วโลกจะมาร่วมประชุม CITES ที่กรุงเทพฯ เพื่อถกปัญหาการค้าสัตว์ป่ารวมถึงการสังหารช้างป่าในแอฟริกา WWF จึงได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้โอกาสนี้ในการประกาศเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการหยุดค้างาช้างในประเทศไทย
“ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเป็นจุดสนใจของโลก ผู้นำรัฐบาลของไทยควรรีบใช้โอกาสนี้ประกาศยกเลิกการค้างาช้างในประเทศไทย และร่วมกันให้โอกาสช้างได้มีชีวิตต่อไป” จันทร์ปายกล่าว