ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร BSI กรณีกระทำผิดหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของ BSI และจัดทำงบการเงินไม่ถูกต้อง

ข่าวทั่วไป Thursday December 2, 2004 11:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษ นายประเสริฐ ตั้งตรงศักดิ์ นายกฤช เขมธรรม และนางสาวแสงจิตร เลาหทัย ในฐานะกรรมการซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) (“BSI”) ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสอบสวนดำเนินคดี กรณีมีมูลน่าเชื่อว่า ในระหว่างปี 2544 — 2545 บุคคลดังกล่าวได้ร่วมกันดำเนินการให้บริษัทย่อยของ BSI 3 แห่ง เพิ่มทุน โดยที่มิได้มีความ จำเป็นหรือความต้องการเงินเพิ่มทุนอย่างแท้จริง และให้ BSI สละสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง ทั้งนี้ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับบริษัทย่อยบางแห่งได้มีการนำเสนอและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว แต่ไม่พบข้อเท็จจริงว่าบุคคลทั้ง 3 ดังกล่าวได้มีการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อที่ประชุม ซึ่งต่อมา ปรากฏข้อมูลว่าบุคคลที่เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของแต่ละบริษัทย่อยแทน BSI ล้วนเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BSI ทั้งสิ้น ส่งผลให้อำนาจการควบคุมและการจัดการเหนือทรัพย์สินและประโยชน์ในบริษัทย่อยของ BSI ซึ่งมีมูลค่าแฝงอยู่อย่างมีนัยสำคัญ และคำนวณได้ว่ามูลค่าบางส่วนจะสามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอน ตกแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ พฤติกรรมของบุคคลทั้ง 3 ดังกล่าวจึงเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 307 มาตรา 309 และมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (“พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ”) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษ นายกฤช เขมธรรม นางสาวแสงจิตร เลาหทัย นายสุเทพ กิจสวัสดิ์ และ นายพรชัย เอื้ออารยาภรณ์ ในฐานะกรรมการและผู้บริหาร BSI เพื่อสอบสวนดำเนินคดีในกรณีบุคคลดังกล่าวร่วมกันจัดทำงบการเงินของ BSI ประจำงวดการบัญชีปี 2545 ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีว่าด้วยงบการเงินรวมและการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อย อันสืบเนื่องจากการดำเนินการให้ BSI สละสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งตามที่กล่าวข้างต้น พฤติกรรมดังกล่าวจึงเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะเป็นการจัดทำงบการเงินที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นและบุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับฐานะทางการเงินที่แท้จริงของ BSI
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงได้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
อนึ่ง สำหรับนายพิพัฒน์ ปุสยานนท์ บริษัทสำนักงานพิพัฒน์และเพื่อน จำกัด ผู้สอบบัญชีที่ตรวจสอบและสอบทานงบการเงินของ BSI งวดดังกล่าว ได้ถูก ก.ล.ต. สั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2547 และเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2547 นายพิพัฒน์ได้ถอนตัวออกจากการเป็นผู้สอบบัญชี
ที่ ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบแล้ว และสำหรับงบการเงินประจำงวดการบัญชีปี 2545 นั้น BSI ได้แก้ไขแล้ว
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2546 โดยผู้สนใจสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. (http://www.sec.or.th)--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ