TMC เครื่องร้อนโชว์กำไรปี55 กระฉูด 318% บอร์ดสั่งปันผลเพิ่มอีก 0.12 บ./หุ้น ลั่นขอทำผลงานปีนี้โตต่อไม่ต่ำกว่า 25%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 27, 2013 11:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--IR network บมจ.ที.เอ็ม.ซี.อุตสาหกรรม หรือ TMC สุดฮอตโชว์ปี 55 กวาดกำไรเข้ากระเป๋า 135.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 318.04 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.42 ล้านบาท ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท หลังจ่ายระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.09 บาท กำหนดจ่าย 17 พฤษภาคมนี้ รวมจ่ายทั้งปี 0.21 บาทต่อหุ้น "สุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข" ระบุเบื้องหลังของความสำเร็จ เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,002.87 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 669.88 ล้านบาท หลังจากภาครัฐสนับสนุนให้ใช้รถยนต์ Eco Cars และการเพิ่มมาตรการประหยัดภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 25% นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวดปี 2555 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 135.53 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 32.42 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 318.04 % เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 669.88 ล้านบาท เป็น 1,002.87 ล้านบาท เป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐที่สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ที่มีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน (Eco Cars) และการเพิ่มมาตรการประหยัดภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก จึงส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เร่งกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า และมีความต้องการเครื่องเพรสระบบ ไฮดรอลิคเพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมาทำให้เครื่องเพรสของลูกค้าได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้งานได้ จึงทำให้ลูกค้ามีความต้องการใช้บริการในการซ่อมแซมและดูแลรักษาเครื่องจักรเพิ่มขึ้น และบางรายที่ไม่สามารถรอการซ่อมแซมได้ จึงหันมาสั่งซื้อเครื่องเพรสใหม่ทดแทนเครื่องเพรสเดิมที่ชำรุด ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นคิดเป็น 49.71 % เมื่อเปรียบงวดเดียวกันของปีก่อน และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้บริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย เครื่องทดสอบแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยากและซับซ้อนในการผลิตและการส่งออกเครื่องเย็บขอบชิ้นงานไปต่างประเทศ จึงทำให้บริษัทกำหนดอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าเครื่องจักรประเภทอื่น และครอบคลุมไปถึงการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการให้บริการเนื่องจากลูกค้ามีความต้องการในการซ่อมแซมเครื่องจักรสูง จึงเป็นโอกาสทางการตลาดที่บริษัทสามารถเลือกให้บริการสำหรับลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูง และการบริหารต้นทุนในการผลิตให้เป็นไปตามงบประมาณที่เสนอลูกค้า ขณะที่ต้นทุนทางการเงินได้ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 49.79% เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีสภาพคล่องมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีความต้องการใช้วงเงินสินเชื่อลดลง รวมถึงบริษัทมีการชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินภายหลังบริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนจากการขายหุ้นให้แก่ประชาชน "ผมเชื่อว่าผลการดำเนินงานในปี 2556 จะมีทิศทางเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 25% เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเป็นขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ขณะที่เครื่องจักรของบริษัทมีความทันสมัย สามารถรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่หลากหลาย อีกทั้งบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ(Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 343 ล้านบาท จึงน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง"นายสุรเชษฐ์กล่าว พร้อมกันนี้ จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2556 จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2555 (1 ก.ค.--31 ธ.ค.55) เพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท เมื่อรวมกับที่จ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาล ( 1 ม.ค.-30 มิ.ย.55) ไปในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ส่งผลให้บริษัทจ่ายปันผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นงวดปี 2555 ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2556 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 30 เมษายน 2556 (XD ในวันที่ 25 เมษายน 2556) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2556

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ