กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ฐิติกร
- ตั้งเป้าเพิ่มสาขาอีก 10 แห่งทั่วประเทศ
- แม้ว่าตลาดโตไม่ตามเป้า แต่ TK ยังมั่นใจโตตามเป้า 10% แน่นอน ในปีนี้
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รายงานผลประกอบการ เติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2555 ที่ผ่านมาว่ารายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 3,369.6 ล้านบาท ในปี 2554 มาเป็น 3,662.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนพอร์ตสินเชื่อสุทธิรวมเพิ่มขึ้นจาก 7,576.3 ล้านบาท ในปี 2554 มาเป็น 8,647.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 14.1%
สำหรับกำไรในปี 2555 นายประพลกล่าวว่า บริษัทสร้างสถิติผลประกอบการเติบโตดีต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และทำสถิติใหม่ 3 ปีติดต่อกัน โดยปี 2555 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 712.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรสูงสุดนับจากการก่อตั้งกิจการมากว่า 40 ปี โดยปี 2554 มีกำไรสุทธิ 624.7 ล้านบาท และปี 2553 มีกำไรสุทธิ 532.3 ล้านบาท
“ในปี 2555 ที่ผ่านมา TK ได้ฉลองครบรอบการก่อตั้ง 40 ปี โดยการจัดกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อตอบแทนลูกค้าและคู่ค้าที่ได้ให้การสนับสนุนเราให้เป็นผู้นำตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มาต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งเราได้ผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา TK ยังฉลองความสำเร็จด้วยการสร้างสถิติทั้งในด้านของรายได้และผลกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการมากกว่า 40 ปี และในปีนี้ก็จะเป็นอีกปีหนึ่งที่เราจะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อีก จากการขยายตัวของ TK ไปในส่วนภูมิภาค และการขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศ ”
นายประพลกล่าวว่าปีนี้ TK ยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วเพราะ TK มีความเชื่อมั่นในทีมงานที่มีประสิทธิภาพ ร่วม 2,000 คนว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายได้ ประกอบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวแทนร้านค้ารถจักรยานยนต์ทั่วประเทศกับ TK ที่มีความสัมพันธ์กันยาวนานกว่า 40 ปี ทำให้การเติบโตของ TK เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
นายประพลกล่าวว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ จะต้องจับตามองผลการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐอเมริกาว่าจะสามารถคลี่คลายได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยบ้าง แต่การอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่กระตุ้นผ่านโครงการต่าง ๆ ได้แก่โครงการรับจำนำข้าว โครงการบ้านหลังแรก โครงการรถคันแรก และอีกหลากหลายโครงการ จะทำให้การใช้จ่ายในภูมิภาคต่าง ๆ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อของประชาชนยังมีอัตราเติบโตไม่น้อยไปกว่าปีที่ผ่านมา
นายประพลกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ TK มีแผนการขยายสาขาอีก 10 แห่ง จาก 83 สาขาในขณะนี้ เป็น 93 สาขา ภายในปี 2556 ซึ่งจะเป็นการรองรับกำลังซื้อที่จะขยายตัวขึ้นในส่วนภูมิภาค
“นอกจากนี้ ประเด็นที่เราน่าจะจับตามองก็คือการรวมตัวเป็นประชาคมประชาชาติเศรษฐกิจอาเซี่ยนหรือ AEC ที่เป็นแรงกระตุ้นนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคซึ่งจะเป็นส่วนเสริมให้เศรษฐกิจประเทศไทยมีความคึกคักต่อเนื่องไปได้อีกหลายปี” นายประพลกล่าว