กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น
นายจรัล เดชประทุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิสแพค จำกัด หนึ่งในผู้นำผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างในกลุ่ม พื้น, หลังคา, เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงทิศทางของธุรกิจวัสดุก่อสร้างในปี 2556 ว่า ธุรกิจด้านวัสดุก่อสร้างจะยังคงเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง ที่ยังคงเติบโตตามการขยายตัวของโครงการใหม่ๆ รวมถึงการปรับปรุงอาคารสถานที่เดิมของกลุ่มผู้บริโภคโดยทั่วไปที่ต้องการให้ที่อยู่อาศัย หรืออาคารสำนักงานมีความสวยงามทันสมัยมากขึ้น
“วิสแพค ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 โดยเริ่มดำเนินธุรกิจจากการผลิต และจำหน่ายเคมีภัณฑ์เพื่อใช้ในการก่อสร้างพร้อมด้วยสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร สำหรับงานโครงการ และงานทั่วไป โดยจัดจำหน่าย และติดตั้งทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ” นายจรัล กล่าว
ด้าน นายเชษฐ โพธิวงศาจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิสแพค จำกัด กล่าวว่าจากแนวโน้มทิศทางโดยรวมของเศรษฐกิจในประเทศคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้างขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นบริษัทฯซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง จึงคาดว่าทิศทางในปี 2556 บริษัทฯน่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 15% โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
“คาดว่ารายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจะมาจากกลุ่มธุรกิจสินค้า 4 กลุ่มของบริษัทในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย 1.ประเภทพื้น เช่น กระเบื้องไวนิล อาร์มสตรอง (Armstrong), พรมดักฝุ่นทางเข้าหน้าอาคาร เอบีไอ (ABI), พื้นคอนกรีตขัดเงาระบบแห้ง เอชทีซี (HTC) 2. ประเภทหลังคา เช่น แผ่นหลังคาอลูมิเนียม อัลลอย แคลซิบ (Kalzip), แผ่นโพลีคาร์บอเนต แดนพาลอน (Danpalon) 3. ประเภทเคมีภัณฑ์เพื่อการก่อสร้างซึ่งอยู่คู่กับ บริษัท วิสแพค มานานกว่า 20 ปี ได้แก่ ระบบกันซึมชั้นใต้ดินไปจนถึงดาดฟ้าอาคาร 4. ประเภทผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องผลิตน้ำร้อนพลังแสงอาทิตย์” นายเชษฐ กล่าว
นายเชษฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทฯ ได้มีนโยบายที่จะเพิ่มสินค้าที่เป็นสินค้าทางเลือก (House Brand) ภายใต้แบรนด์สินค้าของวิสแพคเอง เพื่อตอบสนองและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ แต่มีราคาที่เหมาะสม จึงเชื่อว่าสินค้าดังกล่าวนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างมาก และคาดว่าจะขยายไปในกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น และจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้ และนอกจากนั้นทางบริษัทฯยังให้ความสำคัญในกลุ่มสินค้าที่มีอยู่แล้วแต่มีคุณประโยชน์ที่สามารถใช้ครอบคลุมในหลายๆด้าน โดยทางบริษัทฯ จะให้ความรู้ความเข้าใจกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะช่วยสนับสนุนทำให้ลูกค้าเห็นความสำคัญถึงสินค้าที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย ส่งผลให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น
นายเชษฐ กล่าวอีกว่าบริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะขยายฐานธุรกิจเพิ่มขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยจะเริ่มต้นที่โครงการบริหารอสังหาริมทรัพย์ โดยการซื้อพื้นที่โครงการบางส่วนมาพัฒนาเพื่อจำหน่าย โดยจะเลือกโครงการที่มีทำเลที่ดีใกล้กับชุมชน หรือสถานีรถไฟฟ้า นอกจากนั้นในอนาคตยังมีแผนที่จะดำเนินการโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเตรียมรองรับการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากการเปิดโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในประเทศพม่า
“ในเร็วๆนี้ กลุ่มประเทศอาเซียนจะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี (AEC) บริษัทมีแผนจะเพิ่มการลงทุนในธุรกิจประเภทวัสดุก่อสร้างไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศอินโดจีน โดยในปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัทในเครือ ที่ประเทศกัมพูชา ชื่อบริษัท วิสแพค กัมพูชา ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจอยู่ในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าภายในประเทศดังกล่าว ในอนาคตข้างหน้าบริษัทฯ พร้อมที่จะขยายเพิ่มเติมไปยังประเทศอาทิเช่น ประเทศพม่า และประเทศลาว ในลำดับต่อไป” นายเชษฐ กล่าวในตอนท้ายสุด
จรัล เดชประทุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิสแพค จำกัด
เชษฐ โพธิวงศาจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิสแพค จำกัด