กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ไอแอมพีอาร์
ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เร่งรีบในสังคมปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตภายใต้ภาวะความกดดันจากสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ข่าวสารที่มากมายและระดับการแข่งขันที่รุนแรงตลอดเวลา สภาพเช่นนี้ก่อให้เกิด “ความขัดแย้งกับธรรมชาติของร่างกายและจิตใจ” ที่ส่งผลให้ชีวิตเสียสมดุล
เพราะการเจ็บป่วยด้วยโรคทางร่างกายนั้นสามารถมองเห็น เข้าใจและได้รับการเยียวยาได้ง่าย แต่สำหรับความเจ็บป่วยภายในจิตใจเป็นสิ่งที่ซับซ้อนกว่าการเจ็บป่วยทางกาย สังเกตเห็นและเข้าใจได้ยากกว่าจึงมักถูกเพิกเฉย ละเลย จนก่อให้เกิดความเครียดสะสม และความวิตกกังวล อันเป็นโรคสมัยใหม่ที่ทำให้ความสุขในชีวิตคนเราลดน้อยลง
จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว โรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต จึงได้ร่วมกับ นายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล จิตแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิจาก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ทำการออกแบบและพัฒนากระบวนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ขุมทรัพย์ความสุข” ขึ้น เพื่อเพิ่มทักษะความสามารถในการเติมความสุขให้กับชีวิตของตนเอง ลดความเครียดและความขัดแย้งจากปัญหาและผู้คนรอบด้าน รวมทั้งเพิ่มพูนพลังชีวิตให้กับตนเอง
นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องของความเครียด ความวิตกกังวล และโรคซึมเศร้า เป็นปัญหาทางด้านจิตใจที่พบมากถึงร้อยละ 12-15 ประชากรทั่วไป โดยความเครียดและความวิตกกังวลถือเป็นโรคของยุคสมัยในปัจจุบัน ที่ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตที่มีแต่ความเร่งรีบ และการบริโภคข้อมูลข่าวสารที่มากขึ้นอย่างมาก
“ความเครียดหรือความกังวลใจที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนนั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่พบได้เป็นปกติ เป็นพลังกระตุ้นให้คนเราตื่นตัวในการเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นแรงผลักดันให้คนเราแก้ปัญหาและคิดค้นพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ แต่ถ้าความคิดวิตกกังวลนั้นมีมากจนเกินไป จนไม่สามารถควบคุมได้ ก็อาจส่งผลให้เกิดความทุกข์ใจความเจ็บป่วยทางกาย ทำให้การดำเนินชีวิตไม่ราบรื่น ไม่มีสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง มีปัญหาความสัมพันธ์ภายในครอบครัวหรือคนรอบข้าง และถ้ามีภาวะเครียดสะสมอยู่เป็นระยะเวลานาน อาจเกิดภาวะซึมเศร้าและในรายที่รุนแรงอาจมีความคิดเรื่องฆ่าตัวตายได้ เนื่องจากหาทางออกไม่ได้” นพ.ประเวช กล่าว
โดย นพ.ประเวช ได้ให้ข้อสังเกตว่า ผู้ที่มีความวิตกกังวลแต่ละคนอาจมีการแสดงออกทางกายหรือทางอารมณ์ จิตใจที่แตกต่างกันออกไป เช่น มีอาการ ตัวเย็น มือเย็น ปากแห้ง เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะบ่อย กลืนอาหารลำบาก กระวนกระวาย เหนื่อยง่าย ขาดสมาธิ หงุดหงิดบ่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และนอนไม่หลับ ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังนั้นเราจึงควรหันมาดูแล “จิตใจ” ด้วยการหาหนทางจัดการหรือรับมือกับความเครียดและความกังวลแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะส่งผลเสียต่อชีวิตของเราในระยะยาว
“ถ้าเราสามารถจัดการความกังวลได้ดีเราก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น มีสัมพันธภาพที่ดีในการทำงาน สามารถทำงานได้ประสบผลสำเร็จ เราก็จะมีความสุขเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการฝึกจัดการตัวเองโดยเฉพาะเรื่องความเครียดและความกังวลจึงเป็นการเติมศักยภาพภายในให้นำออกมาใช้ได้ดีขึ้น” นพ.ประเวช ระบุ
พร้อมกันนี้ นพ.ประเวช ยังได้แนะเทคนิคการค้นหาความสุขจากขุมทรัพย์ภายในจิตใจของแต่ละคน ด้วยการจัดการความกังวลใจและความเครียดที่สามารถฝึกได้ด้วยตนเอง 4 ประการ คือ “ฝึกทักษะผ่อนคลาย” ด้วยการฝึกหายใจเพื่อให้ร่างกายกับจิตใจสัมพันธ์กัน ด้วยการฝึกการหายใจ โดยหายใจออกให้ยาวกว่าหายใจเข้า หรืออาจใช้วิธีหายใจเข้าให้สุดออกให้สุด นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการยืดเหยียดบริหารร่างกาย เพื่อให้สมาธิ ความสนใจ กลับมาอยู่กับตัวเอง เพราะเวลาที่คนเราเคลื่อนไหวจะทำให้ความคิดลดลง และได้ความสงบทางใจกลับคืนมา
“ขั้นสำคัญต่อมา คือ “ฝึกจัดการด้านความคิด” โดยระวังความคิดที่ทำให้เรากังวลและเครียด ด้วยการฝึกการตระหนักรู้ในความคิด การเลือกความคิด หรือฝึกวิธีคิดที่ช่วยให้เรามีความสุข เพื่อค้นพบความสุขจากภายใน ถัดมา คือ “ฝึกจัดการปัญหาชีวิต” โดยเฉพาะปัญหาความสัมพันธ์ ซึ่งมีส่วนทำให้คนเราเครียดและกังวลได้มาก และ สุดท้าย คือ “ฝึกเรื่องอาหารการกิน” โดยพบว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะหงุดหงิดง่าย การควบคุมอารมณ์จะต่ำลง” นพ.ประเวชระบุ
เพราะความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นมาจากภายในจิตใจ ทุกคนสามารถสร้างขุมทรัพย์ความสุขของตนเองได้ทุกวัน ร่วมค้นหาความสุขกับกิจกรรมดีๆ จาก โรงพยาบาลมนารมย์ ที่จะช่วยเพิ่มพูนพลังชีวิตด้วยการค้นหาความสุขจากภายใน เรียนรู้การแปลงพลังลบให้เป็นพลังบวกเพื่อการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ได้ที่ โทร.02-725-9595 หรือ www.manarom.com การอบรมจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 และ 17 มีนาคม 2556 รวม 2 วัน เวลา 09.00 — 16.00 น. ค่าใช้จ่ายในการอบรม ท่านละ 6,000 บาท.