กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น
บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น เปิดแผนเกมรุกต่างประเทศ จัดตั้ง 2 บริษัทในประเทศจีน และอินโดนีเซียเสริมเขี้ยวเล็บ พร้อมเดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ มั่นใจดันออเดอร์เพิ่ม
นายบัณฑิต โชติวรรณพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ผู้นำเข้า และจำหน่ายถ่านหิน เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศ จำนวน 2 แห่ง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการติดต่อประสานงานทางการค้า โดยบริษัทแรกตั้งอยู่ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และประสานงานในเรื่องการค้าถ่านหินในประเทศจีน โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง
“บริษัทที่จีนได้จัดตั้งเสร็จและเริ่มดำเนินการไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา โดยมีทีมงานมืออาชีพในการสนับสนุนการขายประจำในพื้นที่ที่คอยดูแลกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีออเดอร์เพิ่มสูงขึ้น”นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับบริษัทที่สองตั้งอยู่ที่เมืองจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย เพิ่งจัดตั้งเสร็จและดำเนินการเมื่อเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อทำหน้าที่กระชับพื้นที่ในการบริหารจัดการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับแหล่งเหมืองต่างๆโดยตรง โดยมีทีมงานอยู่ประจำในพื้นที่ตลอดทั้งปี เพื่อลดปัญหาค่าใช้จ่ายคอมมิชชั่นจากตัวแทนต่างๆที่มักจะมีมูลค่าที่สูง
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า จากการจัดตั้งบริษัททั้งสองแห่งดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างเครือข่ายทางการค้าที่สามารถเข้าตรงต่อกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิด และเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้ทั้งในการซื้อ และการขายที่สอดรับ และเหมาะสมต่ออุปสงค์และอุปทานของแต่ละตลาดที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ได้อย่างใกล้ชิด และที่สำคัญจะสามารถประหยัดต้นทุนที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมาก
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาขายถ่านหินล็อตใหญ่ให้กับโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในต่างประเทศซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้ ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานต่อจากนี้ไปจะเติบโตได้อย่างดี ทั้งนี้สำหรับแนวโน้มราคาถ่านหินโลกในปี 2556 นั้น ทางบริษัทเชื่อว่าจะเป็นปีที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน โดยเห็นได้จากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาถ่านหิน (ICI Index) ในช่วง 8 — 12 อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับตัวขึ้นในทุกค่าความร้อน (กิโลแคลลอรี่) และเป็นการปรับตัวแบบค่อยๆทะยานขึ้นไม่ต่ำกว่า 5%-10% เนื่องมาในจีนเองก็เริ่มมีการเพิ่มยอดการสั่งซื้อมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 55 และในหลายประเทศเริ่มประสบปัญหาการผลิตกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอจากรูปแบบพลังงานเดิมๆไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ จึงทำให้ถ่านหินเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในอันดับแรกๆในการตอบสนองต่ออุปสงค์การใช้พลังงานดังกล่าว