กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--เหมราชพัฒนาที่ดิน
-(กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 2,115.9 ล้านบาท)
-รายได้จากการดำเนินงานปี 2555: จำนวน 6,399.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54
-รวมยอดขายที่ดิน 2,317 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.74
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2555 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิ
ในไตรมาส 4 ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 710.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.073 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 4 ปี 2555 จำนวน 679.7 ล้านบาท
สำหรับปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,293.8 ล้านบาทและกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.236 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 327 และร้อยละ 328 ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2554
การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิสำหรับปี 2555 มาจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น และยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากโครงการเก็คโค่-วัน เป็นจำนวน 177.9 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง 243.6 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับปี 2555 เท่ากับ 2,115.9 ล้านบาท
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งด้านการเงินและผลการดำเนินงานในปี2555 รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้สะท้อนสถิติสูงสุดในยอดขายที่ดินและการโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 123 รายได้รวมของบริษัทฯยังสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2554 และยังมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 ทางบริษัทยังมีโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์คให้เช่าซึ่งมีอัตราการเช่าที่น่าพอใจ ส่วนธุรกิจพลังงาน โครงการเก็คโค่-วัน ซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าอิสระขนาด 660 เมกะวัตต์ ได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีโครงการพลังงานที่กำลังพัฒนาซึ่งนำไปสู่รายได้ที่สามารถคาดการณ์ได้ในอนาคต
การลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังขยายตัวที่ประเทศไทย รวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าสำหรับอุปโภคและบริโภคและอื่นๆ การเติบโตของการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยปี 2555 มีการผลิตรถยนต์ได้ถึง 2.4 ล้านคัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.0 ถึง 3.3 ล้านคัน ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า การขยายตัวและการย้ายแหล่งเงินทุนมายังประเทศไทยเนื่องจากการได้เปรียบจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเข้าถึงตลาดรถยนต์และตลาดอื่นๆมีอย่างต่อเนื่อง
การลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่งจาก 4 ไตรมาสที่ผ่านมามากกว่าครึ่งหนึ่งของสัญญาของบริษัทมาจากการลงทุนของลูกค้าญี่ปุ่น ปี 2555 บริษัทฯมียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,317 ไร่ (927 เอเคอร์ หรือ 370 เฮกตาร์) โดยมีสัดส่วนทางการตลาด จากสัญญาจำนวน 115 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 80 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 35 ราย
พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 76,786 ตารางเมตรหรือร้อยละ 48 จากปีสิ้นปี 2554 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าที่จะเริ่มเช่าในปี 2556 คิดเป็นพื้นที่รวม 23,992 ตารางเมตร บริษัทฯได้เริ่มโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์คใน 4 ทำเลโดยตั้งอยู่ทั้งในและใกล้นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดทั้ง 3 แห่งของบริษัทฯ
สำหรับปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,399.4 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 54 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น และมีรายได้สุทธิของผลการดำเนินงานจำนวน 2,293.8 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 2,115.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 780.2 ล้านบาท ของปี 2554
นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูป โลจิสติกส์พาร์คและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังจะเห็นได้จากภาพรวมของรายได้และผลการดำเนินงานในปี2555 ที่เติบโตจากโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ ตระหนักถึงความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงและการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจการส่งออก แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของบริษัทจากภาระผูกพันที่เพิ่มขึ้นของการลงทุนด้านอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นของรายได้และกำไร บริษัทฯ ยังจะคงกลยุทธ์ในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
รายได้รวมและผลการดำเนินงาน ปี 2555
สำหรับปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,399.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 4,150.5 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 โดยมีรายได้จากธุรกิจหลักจำนวน 6,447.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปี 2555 มีจำนวน 3,972.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 123 และมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 3,378 ล้านบาทที่จะรอการรับรู้ในช่วง 3-24 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 1,390.8 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 20 ซึ่งเกิดจากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และเงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 1,495.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าโลจิสติกส์พาร์ค การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 722.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็น 256.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 60
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 2,943.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 2,333.4 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 46% และ 36% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญ ปี 2555
- บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 2,317 ไร่ จาก 115 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 80 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 35 รายซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 555 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 832 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 189 รายจากจำนวน 288 สัญญา
- พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 หรือ 76,786 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2554 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 23,992 ตารางเมตร
- บริษัทฯ ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจพลังงาน โดยถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการเก็คโค่-วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าอิสระ ได้เริ่มการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 และในเดือนมีนาคม ปี2555 บริษัทฯ ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น กับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิต 126 เมกกะวัตต์ ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง โดยบริษัทฯ จะเข้าถือหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 25 และเริ่มดำเนินงานภายในกลางปี 2556
- บริษัทฯ ซื้อที่ดิน 243 ไร่ บนเกาะล้าน พัทยา โดยจะพัฒนาเป็นโครงการที่ประกอบด้วยรีสอร์ทและสถานที่พักผ่อน
- บริษัทฯ ได้ซื้อทิ่ดินระยอง 2012 บริษัท จำกัด ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 2,200 ไร่ สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในอนาคต
- คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2555
งบดุลรวมสำหรับงวด 12 เดือน สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2555
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 26,308 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 15,268 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 11,040 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 1.23 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 1,694 ล้านบาท