ไทยพาณิชย์จัดสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจปี 48 ทุนเอกชน-ต่างชาติหนุนจีดีพี ขยายตัว 5-6% เตือนระวังค่าเงิน น้ำมัน ดอกเบี้ย

ข่าวทั่วไป Tuesday December 7, 2004 11:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--ธ.ไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์จัดสัมมนามองทิศทางเศรษฐกิจปี 2548 ยังสดใส คาดเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่เหมาะสม 5-6% การลงทุนภาครัฐและเอกชนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจแทนที่การบริโภคภาคครัวเรือน โดยมีเงินทุนต่างชาติช่วยหนุน ชี้ปัจจัยเสี่ยงสำคัญเรื่องค่าเงิน น้ำมัน ดอกเบี้ย มาตรการกีดกันทางการค้า
ดร. วิรไท สันติประภพ ผู้จัดการสายบริหารการลงทุนตราสารทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2548 ในงานสัมมนาวิชาการ “2005 Economic and Financial Market Overview” ที่ธนาคารจัดขึ้นและได้รับความสนใจจากนักบริหารการเงินองค์กรต่างๆกว่า 500 แห่ง ณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ว่าตัวเลขจีดีพีปี 2548 มีแนวโน้มขยายตัวที่อัตรา 5-6% ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงเล็กน้อยจากในปีนี้ที่ขยายตัวราว 5.7 —6.3% แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดี
ทั้งนี้การลงทุนจากภาครัฐและเอกชนจะขึ้นมามีบทบาทสำคัญแทนการบริโภคภาคครัวเรือนที่การขยายตัวเริ่มชะลอลง โดยเห็นได้จากข้อมูลสถิติต่างๆ เช่น ยอดขายสินค้าคงทนถาวร, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือน สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ประชาชนกระโดดขึ้นในปี 2543 ทำให้ไม่สามารถก่อหนี้เพื่อบริโภคเพิ่มขึ้นได้มากนัก ซึ่งส่งผลให้แรงบริโภคชะลอตัวลง ในทางกลับกัน การลงทุนภาคเอกชนจะกลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยเห็นได้จากกำลังการผลิตส่วนเกินที่ลดลงเรื่อยๆ การนำเข้าสินค้าทุน และความต้องการสินเชื่อธุรกิจเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 สินเชื่อระยะยาวไม่รวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวมากกว่า 10% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเป็นต้นมา นอกจากนี้ จะเห็นว่าเงินลงทุนจากต่างชาติก็เป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทย โดยเงินลงทุนที่ขอรับสิทธิประโยชน์จาก BOI เพิ่มขึ้นตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมา และที่สำคัญรัฐบาลยังมีโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่มูลค่า 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ คุณอภิศักดิ์ เกี่ยวการค้า ผู้จัดการบริหารการเงิน กล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาทและค่าเงินสกุลต่างๆในโลกว่าปี 2547 เป็นปีที่ค่าเงินมีความผันผวน แต่ค่าเงินบาทได้รับการบริหารจัดการอย่างดี โดยธปท.ทำได้ค่อนข้างมีเสถียรภาพระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการลงทุนของโลกเริ่มมีการเคลื่อนย้ายออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐจึงทำให้เงินสกุลอื่นๆแข็งค่าขึ้น และคุณอภิศักดิ์คาดการณ์ตลาดปี 2548 ว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐและความเสี่ยงของสหรัฐจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและงบประมาณ อีกทั้งการเคลื่อนย้ายเงินระหว่างประเทศเป็นสำคัญซึ่งในกรณีของประเทศไทยอาจดูได้จากทิศทางของเงินสำรองระหว่างประเทศ
ท้ายสุด ดร. ภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการบริหารการเงิน กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยโดยแบ่งเป็นตลาดเงินระยะสั้น ตลาดดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์และตลาดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลว่าจะมีการปรับตัวขึ้น แต่ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้การปรับตัวขึ้นนี้ไม่เท่ากัน โดยตลาดดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์จะปรับตัวขึ้นช้าสุดด้วยสภาพคล่องที่ยังมีเหลือประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินจะเคลื่อนที่ขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย LIBOR ของสหรัฐ และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรมีแนวโน้มจะมี Yield Curve ที่ Flatten ลง และสรุปว่าการคาดการณ์ที่กล่าวมาอาจจะถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ นอกเหนือจากภาพรวมทางเศรษฐกิจมหภาคที่ต้องคอยจับตามอง เช่น ปัญหาต่างๆ โรคหวัดนก และการเปลี่ยนแปลงในด้านกฎกติกาที่อาจเกิดขึ้นได้
พร้อมกันนั้น ในงานสัมมนาธนาคารยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและบัญชีจากบริษัท Baker & Mckenzie และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาบรรยายในหัวข้อที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นอย่างดี
ด้วยความขอบคุณอย่างสูง : นายพจน์ ใจชาญสุขกิจ ผู้จัดการประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สรียา โทร. 02-544-4518
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ